ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินไตรมาส 4/64 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไปพร้อมๆ กับที่ภาพรวมของตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในสภาวะผันผวน กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ที่น่าจะช่วยให้พอร์ตเลี้ยงตัวอยู่ในระดับที่ไม่เสี่ยงสูงจนเกินไป และสามารถที่จะ Outperform ตลาดได้ในช่วง 1 ถึง 2 เดือน หลังประกาศงบปี
ทาง บล.เอเซียพลัส ชี้เป้าไปที่ “หุ้นปันผล” ซึ่งมีหลายเหตุผลจูงใจให้ลงทุนในช่วงนี้ ทั้งจาก ผลตอบแทนในอดีตของ SETHD (ดัชนีหุ้นปันผลสูง) มักให้ผลตอบแทนเป็นบวก และชนะ SET ในช่วง 4 เดือนแรกของปีเสมอ โดยในช่วง 5 ปีย้อนหลัง ไม่นับปี 2563 หากรวมปันผลกลับ SETHD TRI ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.8% ขณะที่ SET ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.28%
สำหรับ SETHD ในปีนี้ ยังให้ผลตอบแทนชนะ SET เช่นเดียวกับในอดีต โดยเริ่มต้นปี 2565 ดัชนี SETHD ให้ผลตอบแทนสูงถึง 2.3% (ytd) outperform ดัชนี SET ให้ผลตอบแทน 0.69% (ytd) ขณะเดียวกัน ในมุมความเสี่ยง ปีนี้ดัชนี SETHD มีค่าความผันผวนต่อปี หรือ Volatility 1 ปี เพียง 4.91% ต่ำกว่า SET มีค่าอยู่ที่ 7.85% แสดงให้เห็นว่าหุ้นปันผลยังช่วยลดความผันผวนให้พอร์ตได้ดี ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน
ทั้งจังหวะเวลาและข้อดีของหุ้นปันผล ฝ่ายวิจัยจึงทำการค้นหาหุ้นปันผลน่าลงทุน โดยผ่านเงื่อนไขดังนี้ 1.เป็นหุ้นพื้นฐานดี (ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ มี Upside) 2.คาดหวังปันผลได้สูง (Dividend yield > 4% ต่อปี) ได้ผลลัพธ์ดังตารางด้านล่าง
จากตารางมีหุ้นหลายบริษัทที่จ่ายปันผลหลังประกาศงบปี 64 สูง พื้นฐานดี และราคาหุ้นยังขึ้นไม่มากน่าลงทุน อาทิ SAPPE, THANI, SCCC* (ปันผลปีละครั้ง) และ NER, SCC (ปันผลปีละ 2 ครั้ง) โดยหุ้นปันผลเด่นมีรายละเอียดทางพื้นฐานที่น่าสนใจดังนี้
SAPPE (FV @ 35.00) แนวโน้มกำไรสดใสตั้งแต่ Q1/65 ถึง Q2/65 จากการเข้าสู่ฤดูร้อนที่เป็น High Season ของกลุ่มเครื่องดื่ม นอกจากนี้ลุ้นเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกัญชา/กัญชง มีโอกาสสร้าง Catalyst ต่อราคาหุ้นและกระตุ้นยอดขายตลาดในประเทศ คาดกำไรปกติปี 2565 เพิ่มขึ้น 16% YoY เท่ากับ 504 ล้านบาท ขณะที่สถานะการเงินเป็น Net Cash ราว 1.6 พันล้านบาท ทำให้คาดหวังการเติบโตแบบ Inorganic Growth และ Div Yield เฉลี่ย 4.5% ต่อปี
THANI (FV @ 5.00) คาดกำไรสุทธิงวด Q4/64 จะฟื้นตัวจากงวด Q3/64 ตามการเติบโตของสินเชื่อ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้ม credit cost ที่จะทรงตัวสูงไปได้ทั้งหมด คาดทิศทางกำไรสุทธิปี 2565 จะพลิกกลับมาเติบโต 12% yoy อยู่ที่ 2026 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นล่าสุดมี PBV ที่ 2.0 เท่า มีส่วนลด PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ 1SD และ Div Yield ได้ราว 5% ต่อปี
SCCC (FV @ 210.00) คาดกำไรปี 64 เติบโต 5.7% QoQ จากส่วนแบ่งกำไรจาก LANNA ที่น่าเพิ่มขึ้นตามราคาถ่านหิน ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดเป็นปัจจัยบวกสำคัญ ที่น่าจะทำให้การปรับราคาปูนซีเมนต์ทำได้ดีขึ้นในปีนี้ พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการลดต้นทุนและโครงการที่สร้างผลตอบแทนคืนมาได้เร็ว พร้อมคาดหวัง Div Yield 5.60%
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp