หลังจากความกังวลจากปัจจัยต่างประเทศเริ่มคลี่คลายทั้งเรื่องของทิศทางของ FED ต่อการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ความตึงเครียดในยูเครนและความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งไม่หยุดทะลุ 90 ดอลลาร์สหรัฐน/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 8 ปี
แต่เมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.65 ที่ผ่านมาจนถึงต้นเดือน ก.พ.65 ความกังวลนโยบาย FED เรื่องการขึ้นดอกเบี้ย รวมถึง การลดขนาดงบดุล จะเริ่มในช่วงครึ่งหลัง ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนเริ่มผ่อนคลายเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง Dollar ไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ปัจจัยในประเทศหนุนการลงทุน
ประกอบกับปัจจัยในประเทศที่รัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านนโยบายต่างๆ และภาพรวมการท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมานั้น บล.กสิกรไทยระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจที่จะได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทาง ททท. คาดว่าจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้เข้ามา 5 – 15 ล้านคน (ปีที่แล้ว 4 แสนคน) หลังจากปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบ Test & GO พร้อมกับมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐที่จัดเต็มในเดือนนี้ รวมถึงทางหอการค้า เตรียมยื่นขอขยายวงเงินช๊อปดีมีคืน ดีต่อหุ้นค้าปลีกที่ Laggard มานาน
หุ้น Commodity เริ่มนา่สนใจ
นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีโครงสร้างเป็นหุ้น Commodity และหุ้นอิงการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศถึง 2 ใน 3 ของตลาด ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้นจากปัจจัยบวกเรื่อง Commodity ที่ปรับตัวขึ้นประจวบเหมาะกับค่าเงินดอลลาร์ที่ชะลอการแข็งค่า หนุนค่าเงินบาทแข็งและ Fund Flow มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ ซึ่งทุกหัวข้อที่กล่าวมา มีหุ้นหลายบริษัทในไทยได้ประโยชน์ และน่าจะคอยช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยให้แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วในช่วงนี้ได้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ 1,658 – 1,675 จุด
เปิด 10 หุ้นที่ต่างชาติไล่ซื้อ
โดยพบว่าช่วง เดือน ม.ค.65 นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนผ่าน NDVR ในหุ้นไทย 10 ตัวแรกได้แก่ 1.KBANK มูลค่า 6,540 ลบ., 2.PTTEP มูลค่า 3,542 ลบ., 3.AOT มูลค่า 3,525 ลบ., 4.ADVANC มูลค่า 3,363 ลบ., 5.SCB มูลค่า2,626 ลบ., 6.PTT มูลค่า 2,046 ลบ., 7.BBL มูลค่า1,539 ลบ., 8.CPN มูลค่า 1,358 ลบ.,9.TTB มูลค่า 1,244 ลบ.,และ 10.TOP มูลค่า 824 ลบ.
เปิด 9 หุ้นที่ต่างชาติลงทุนและยังมี Upside
ขณะที่ ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังระบุอีกว่า จากตัวเลขข้อมูลการซื้อ-ขายผ่าน NVDR มีความน่าสนใจ และฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีแรงซื้อจาก NVDR อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” KBANK (FT=174บ.) และ SCB (FT=152บ.) ที่ได้ sentiment เชิงบวกจากการที่ Fed เตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ TU (FT=25.75บ.) ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าช่วยหนุนการส่งออก และ HANA (CT=104บ.) จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาสะท้อนปัจจัยลบที่มีต่อหุ้น Growth Stock ไปมากแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และตัวเลขส่งออก ธ.ค. ที่ขยายตัวถึง 5.2% MoM อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมองเป็นบวกต่อหุ้นที่เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” KTC (FT=76บ.) ต่อเนื่องหลังที่เราแนะนำมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. เพราะคาดจะได้ประโยชน์จากช็อปดีมีคืน ทำให้ผู้ใช้บัตรเครดิต 1Q65 สูงกว่าปกติ หนุนกำไรงวด 1Q65 เติบโตโดดเด่นขึ้น และเมื่อวานมีรายงาน Big Lots 400,000 หุ้น ที่ราคา 68 บาท สูงกว่าราคาในกระดาน จึงมองว่าราคาหุ้นมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นไปเหนือ 68 บาท ได้ ขณะที่ KKP (FT=82บ.) เนื่องจากได้ sentiment เชิงบวกจากการที่ Fed มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และเป็นหุ้นธนาคารที่จ่ายเงินปันผลสูง และความสามารถในการทำกำไรดีเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่ม และ AOT (FT=68.5บ.) และ BDMS (FT=27บ.) ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ และการนำ Test&Go กลับมาใช้อีกครั้ง
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp