มิติหุ้น-บล.คันทรี่ กรุ๊ประบุว่า ผลประชุม กนง. วานนี้มีมติเอกฉันท์ในการคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% พร้อมประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับ Omicron ประเมินว่าแรงกดดันต่อสาธารณสุขมีจำกัดความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจึงไม่น่าจะสูงมากนักแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงต้องพิจารณาติดตามการระบาดต่อไป
ด้านเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นในช่วงแรกของปี 22 จากราคาพลังงานและอาหารสดบางประเภท ดังนั้นทางกนง.จึงเห็นควรคงดอกเบี้ยไว้ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปี22 ประเมินว่ามีโอกาสจะขยายตัวได้ดีกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนเนื่องจากการส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้นและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นตามการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทาง
ด้านต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมายังคงสดใสต่อเนื่อง Dow Jones ปิดบวก 0.86% Nasdaq +2.08% ได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลงนักลงทุนจึงกลับเข้ามาซื้อหุ้นใน
ก ลุ่ ม Tech ข ณ ะ ที่ เช้ า นี้ Nikkei ยั ง คงแกว่งบวกได้ต่อ 0.9% ส่วนภายในประเทศวานนี้นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิสูงถึง 1.7 หมื่นลบ.นับเป็นการซื้อสุทธิที่สูงสุดในรอบหลายปี ซึ่งสอดคล้องกับที่เราตั้งข้อสังเกตุไว้
วานนี้ว่าเงินบาทที่แข็งค่าอาจมาจากการที่ตลาดค่าเงินมองว่า Foreign Fund Flow มีโอกาสไหลเข้า เช้านี้เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 32.7 บาท /
ดอลลาร์สหรัฐ New Low ในรอบ 20 วันทำการ ดังนั้นด้วยค่าเงินบาทที่อยู่ในทิศทางแข็งค่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ Foreign Fund Flow ยังคงมีแนวโน้มไหลเข้าได้ต่อและเมื่อพิจารณากับทิศทางเศรษฐกิจพบว่าปีนี้ไทยจะมีอัตราการ
ขยายตัวที่สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วและขณะเดียวกันนโยบายการเงินยังผ่อนคลายซึ่งต่างกับประเทศพัฒนาแล้วที่เริ่มเผชิญกับการเข้มงวดของนโยบายการเงิน ส่งผลให้ Valuation เมื่อเปรียบเทียบแล้วมีความน่าสนใจมากกว่า
อย่างไรก็ตามด้วยการปรับตัวขึ้นมาทดสอบ 1,700 จุด อีกครั้งทพให้ Valuation ค่อนข้างตึงตัวเช่นกัน เชิง Earnings Yield Gap ลงมาซื้อขายใกล้เคียง -1SD ในรอบ 10 ปีย้อนหลัง
เชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงควรเน้น Laggard Play ที่มีการเติบโตของกำไรเช่นกัน อาทิ ค้าปลีก (BJC GLOBAL HMPRO) ร้านอาหาร(M) สื่อนอกบ้าน (VGI) เครื่องดื่ม (CBG) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) นิคม (WHA) และอาจพิจารณาทำกำไรบ้างในหุ้นที่ปรับขึ้นมาเยอะ ประเมิน SET INDEX วันนี้ยังมีโอกาสแกว่งบวกกรอบ 1,704–1,710 จุด
@mitihoonwealth