มิติหุ้น-ภาพรวมตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (28 ก.พ.-4มี.ค.65) คาดจะแกว่งตัวอย่างผันผวน เพราะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่ทวีความรุนแรง โดย “บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)” เชื่อว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย 3 รูปแบบ
ได้แก่ 1.ตลาดหุ้นไทยปรับฐานแรง (หลุด 1,600 จุด) : หากมีเหตุการณ์ที่เป็น Negative Surprise เพิ่มเติม, 2. ตลาดหุ้นไทยลงต่อและใช้เวลาสร้างฐาน (1,620 จุด +/-) : หากชาติตะวันตกยกระดับการตอบจากชาติตะวันตกที่รุนแรงขึ้นกว่าในปัจจุบัน (เช่น กรณีคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย เป็นต้น) น่าจะส่งผลให้ SET สร้างฐานบริเวณเหนือ 1,620 จุด และค่อยๆฟื้นตัว และ 3. ตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าสู่จุดฟื้นตัว: หากยูเครนยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัสเซีย (ไม่เข้าร่วม NATO และอาจยอมเสียดินแดนบางส่วน)
เคาะหุ้นเด่นเข้าพอร์ต
อย่างไรก็ดีแม้ตลาดหุ้นจะผันผวน แต่ฝ่ายวิจัยยังคงมองเป็นโอกาสในการลงทุนในหุ้น 3 กลุ่ม
-
Expectation: ปรับตัวลงแรง และมีโอกาสฟื้นตัวแรง
PSL (เป้าหมาย 20.5 บ.) คาดอุปสงค์สินค้าแห้งเทกองยังแข็งแกร่ง สอดคล้องกับรัฐบาลจีนที่ยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะที่เรือสั่งต่อใหม่มีเพียง 6.88% ของกองเรือโลก ต่ำสุดในรอบ 20 ปี สอดคล้องกับการฟื้นตัวของดัชนีค่าระวางเรือ +58.25% MTD
MINT (เป้าหมาย 35 บ.) ราคาหุ้นอยู่ในจุดที่ “น่าสะสม” ส่วนปี 65 ผลงานจะฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น
-
Earnings: มีแรงหนุนจากแนวโน้มกำไรเด่น
KKP (เป้าหมาย 80 บ.) ตั้งเป้าปี 2565 สินเชื่อขยายตัว 12% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อลดลงแตะ 5.1% (เทียบกับ 5.3% ในปี 64) เนื่องจากมีแผนที่จะขยายสินเชื่อคุณภาพดีในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อองค์กร ต้นทุนสินเชื่อน่าจะลดลงเหลือ ‘น้อยกว่า 220bps’ ในปี 65 จาก 265bps
OSP (เป้าหมาย 41 บ.) กำไรปี 2565 ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของยอดขายเครื่องดื่มทั้งในและต่างประเทศ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนโรงงานแห่งใหม่ในเมียนมาร์ ซึ่งผลิตขวดแก้วจะเริ่มผลิตได้ใน 1H65
-
Outperformer: แข็งกว่าตลาด
OSP (เป้าหมาย55 บ.) แนวโน้มพอร์ตสินเชื่อขยายตัว และ JMT (เป้าหมาย 80 บ.) ปี 2565 กำไรเติบโตต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากจากการขยายพอร์ตหนี้ 50%จากปีก่อน
สแกน 10 หุ้นผลงานแกร่ง
ขณะที่ “คุณนายสุกิจ อุดมศิริกุล” กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บล.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS ได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ว่า คาดจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากปี 2564 ที่เติบโต 1.0% ซึ่งคาดว่าการส่งออกปี 2565 จะเติบโต 2%
ด้านกำไรของบจ.จะเติบโต 6% ในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจาก GDP ที่เติบโต 3-4% SCBS ประเมินผลตอบแทนของ SET Index ได้ที่ 5% ภายในสิ้นปี 2565 และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล ใน “กรณีเลวร้าย” หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ะบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ได้ อาจส่งผลให้ GDP ลดลงเหลือ 2.6% ส่วนผลงาน บจ.มีโอกาสเติบโตใกล้ 0%
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกลงทุนในหุ้น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. หุ้นที่คาดว่าผลงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF และ 2.หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด และได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG
🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้