มิติหุ้น-บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC แจ้งว่า ไตรมาสที่ 1/2561 บริษัทมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 12,406 ล้านบาท ลดลง 29 % ตามผลการดำเนินงาน ที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอล ซึ่งเป็นผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า กำไรจากส่วนได้เสียในบริษัทร่วมลดลง และต้นทุน Naphtha สูงขึ้น ขณะที่ช่วงไตรมาสที่ 1 /2560 บริษัทยังมีกำไรพิเศษจากภาษีราว 1,900 ล้านบาทของธุรกิจเคมิคอล และธุรกิจแพคเกจจิ้ง ในขณะเดียวกัน เอสซีจีมี EBITDA ลดลง 21% จากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นของธุรกิจเคมิคอล โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจแพคเกจจิ้งและ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ส่วนปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ในไตรมาส1/2561 เพิ่มขึ้น 2 แสนตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านตัน โยมีราคาขายส่งออกเฉลี่ย FOB อยู่ที่ระดับ 47 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน คงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขาย ของ SCC เท่ากับ 118,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนทิศทางตลาดปูนซีเมนต์โดยรวมในประเทศไทยช่วงไตรมาส1/2561 ยังคงชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่าภาครัฐ (สัดส่วน35% ของตลาดโดยรวม) เติบโตขึ้น 6% ขณะที่ภาคครัวเรือน (65% ของตลาดโดยรวม) ยังคงซบเซา โดยลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ราคาปูนซีเมนต์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ขยับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปี ก่อนมาอยู่ในช่วง 1,700 – 1,750 บาทต่อตัน
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561 ทำได้ 1.24 หมื่นล้านบาท ลดลง 29 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าฝ่ายวิจัยประเมินและตลาดคาดไว้ว่าจะลดลง 5% ฉุดโดยธุรกิจปิโตรเคมีเพราะต้นทุนสูงขึ้น และกำไรและเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมลดลง อย่างไรก็ตามกำไรไตรมาส 1/2561 คิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปีที่อาจมี downside เล็กน้อย 2-3% อย่างน้อย SCC ก็ไม่แพง PE เพียง 11 เท่า เบื้องต้นจึงยังคงราคาเป้าหมายที่ 550 บาท/หุ้นไว้ก่อน
www.mitihoon.com