มิติหุ้น – นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ในปีนี้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุด ทองโลกสามารถขึ้นไปใกล้กับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขายออกที่ราคา 32,100 บาทต่อบาททองคำ และซื้อเข้าที่ราคา 32,000 บาทต่อบาททองคำ ก่อนที่จะย่อตัวลงมา แต่มองว่าปีนี้ราคาทองคำก็จะทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยสนันสนุนหลักๆ อาทิ สถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน ที่สร้างความกังวลว่าจะยืดเยื้อและกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่จะกระทบราคาสินค้าประเภทอื่นๆ และส่งผลต่อเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นมากกว่าเดิม ดังนั้น แรงขายทำกำไรสลับออกมาจนราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลง มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่เทขายออกคำออกไปแล้วได้กลับเข้ามาสะสมซื้อทองคำอีกครั้ง
สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ผู้ที่มีทองคำในพอร์ตเป็นจำนวนมากแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรบางส่วนและถือต่อบางส่วน รวมถึงผู้ที่ลงทุนในตลาดล่วงหน้าหากถือสถานะเป็นจำนวนมาก แนะนำให้ลดสถานะการถือครองทองคำบางส่วน ด้วยการขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 2,020-2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่หากผ่านแนวต้าน 2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แนะนำถือสถานะที่เหลือต่อเพื่อรอไปขายที่แนวต้านถัดไปโซน 2,070-2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้วรอการอ่อนตัวลงของราคาจึงกลับเข้าซื้อบริเวณแนวรับด้านล่าง
ส่วนผู้ที่ไม่มีทองคำอยู่ในพอร์ตนั้นแนะนำรอการอ่อนตัวลงเพื่อเป็นโอกาสทยอยซื้อ โดยต้องระมัดระวังการไล่ซื้อ ซึ่งประเมินว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำยังคงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเช่นเดิม แต่แนะนำให้แบ่งเงินลงทุนเข้าซื้อ โดยไม่เข้าซื้อที่แนวรับใดแนวรับหนึ่งเต็ม 100% ของพอร์ต แนะนำเข้าซื้อแนวรับแรก หากราคาทองคำหากสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,970-1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แต่หากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ควรชะลอการเข้าซื้อออกไปยังแนวรับถัดไปที่ 1,900-1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ขณะที่การหลุด1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จะทำให้ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นเป็นลบมากยิ่งขึ้น จึงอาจชะลอการเข้าซื้ออกไปเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคาอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ไม่เพียงแต่ราคาทองคำเท่านั้นที่ปรับตัวขึ้นในระดับสูง แต่สินค้าโภคภัณฑ์อีกหลายชนิดก็ได้ปรับตัวขึ้นไปเช่นกัน การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศจึงเป็นไปอย่างคึกคัก โดยปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนมองหาทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ นอกจากนี้การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศยังเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายเพราะครอบคลุมทั้งการลงทุนใน ทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ชนิดต่างๆ ดัชนีหุ้นสหรัฐทั้ง S&P500, Dow Jones Nasdaq รวมถึง cryptocurrency สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง อีกทั้งสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชม. ไม่เว้นวันหยุดของประเทศไทย ทั้งนี้ YLG ได้ร่วมมือกับ CME Group เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เทรดผ่าน YLG futures สามารถเข้าถึงทุกสินค้าของ CME Group ทุกบริการ เช่น Precious Metal futures ,Oil futures ,Cryptocurrency futures , Forex futures ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งกองทุนสถาบันในการเข้าไปซื้อขายสินค้า พร้อมเชื่อมต่อ Exchange ทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งพบว่านักลงทุนให้การตอบรับดีเกินคาด เพราะสามารถบริหารพอร์ตเองโดยไม่ต้องผ่านการบริหารของกองทุนรวม
ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้
https://lin.ee/cXAf0Dp