“TU-ASIAN” เด่นสุดรับบาทอ่อน

406


ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า หุ้นกลุ่มส่งออกรับอานิสงส์ บาทอ่อน โดย บล.กสิกรไทยระบุว่า คาดตลาดจะผันผวนมากขึ้นในไตรมาส 2/2565 จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้นและการลดงบดุล Fed funds futures คาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในไตรมาส 2/2565 โดยคาดจะมีการปรับขึ้น 50bps ในการประชุม FOMC 1 จาก 2 รอบ (วันที่ 4 พ.ค. หรือ 15 มิ.ย.) จึงคาดว่า Fed จะเริ่มลดงบดุลในไตรมาส 2/2565 และคาดว่าอัตราลดจะสูงกว่าที่ 1.0-5.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ/เดือน ระหว่างช่วงนโยบาย QT ครั้งก่อนตั้งแต่ปี 2560-61 เราพบว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการลดงบดุล

โดยพบว่าตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงมากเมื่อ Fed เร่งการลดงบดุลในปี 2561 จากสภาพคล่องที่น้อยลงในตลาด ดัชนี MSCI DM/ MSCI EM/SET index ปรับลดลง 10.4%/16.6%/10.8% ตามลำดับ

ในปี 2561 ในทางตรงกันข้าม ดัชนี USD index ปรับเพิ่มขึ้น 4.4% ในปี 2561 จากนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed เราคาดว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้งในไตรมาส 2/2565 และคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะพลิกสถานะจากผู้ซื้อสุทธิที่ 1.10 แสนลบ. ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นผู้ขายสุทธิจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเนื่องจาก Fed ออกนโนบายทางการเงินที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการเติบโต

ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการอัตราเติบโตของ GDP และกำไรสุทธิลงในไตรมาส 2/2565 ผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน สภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงและอัตราเงินเฟ้อที่ถูกกดดันมากขึ้นคาดจะเป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้กระแสเงินไหลออกในไตรมาส 2/2565

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะเห็นกระแสเงินไหลออกจากต่างชาติในไตรมาส 2/2565 จึงคาดกลุ่มส่งออกไทยจะได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ หุ้นกลุ่มส่งออกที่นักวิเคราะห์ของเราให้คำแนะนำ “ซื้อ” ได้แก่ ASIAN (TP 23.70บ.)และ TU (23.50บ.) นอกจากนี้ นักลงทุนอาจใช้โอกาสนี้เพื่อ “ขายทำกำไร” สำหรับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพราะเราคาดว่า GDP ทั่วโลกที่ชะลอตัวลงจะกดดันรายได้ในระยะยาว