ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังตลาดกังวลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ท่ามกลางอุปทานตึงตัว
+/- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ทรงตัว หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก ทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันโลกให้มีแนวโน้มปรับลดลง ขณะที่อุปทานน้ำมันยังคงตึงตัวอย่างต่อเนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก
+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. 65 ปรับตัวลดลงกว่า 8.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 413.7 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันที่สูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว2.5 ล้านบาร์เรล
+ การประท้วงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในลิเบีย ทำให้การผลิตน้ำมันดิบราว5.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ยังคงหยุดดำเนินการต่อเนื่อง หลังบริษัทน้ำมันแห่งชาติ National Oil Corporation (NOC) ประกาศภาวะสุดวิสัยด้านการส่งมอบน้ำมันดิบจากบ่อน้ำมัน Al-Sharara เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในอินโดนีเซียและมาเลเซียในช่วงรอมฎอน ขณะเดียวกันตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในจีนที่ปรับลดลงจากมาตรการล็อกดาวน์
ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์การใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคฟื้นตัวขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างเมือง อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลในมาเลเซียมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp