มิติหุ้น – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA รายงานรายได้ในไตรมาสที่ 1/2565 จำนวน 6,034.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 979.8 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 418 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจหลักเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 52 ร้อยละ 22 ร้อยละ 12 ร้อยละ 9 และร้อยละ 5 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ ทำให้มีกำไรขั้นต้นที่ 1,719.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 118 เมื่อเทียบกับปีก่อน
อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 23 ในไตรมาสที่ 1/2564 เป็นร้อยละ 28 ในไตรมาสที่ 1/2565 จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ ส่งผลให้ EBITDA เติบโตร้อยละ 164 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 1,306.5 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 TTA มีสินทรัพย์รวม 38,325.9 ล้านบาท ลดลง 621.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 2 จากสิ้นปี 2564 สาเหตุหลักมาจากการลดลงของสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น จำนวน 1,301.3 ล้านบาท สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ตามกำหนดชำระจำนวน 1,500.0 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2565 นอกจากนี้ TTA ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยเงินสดภายใต้การบริหารยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 10,591.7 ล้านบาท พร้อมอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับต่ำที่ 0.36 เท่า ณ สิ้นไตรมาส
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า “แม้ไตรมาสที่ 1/2565 จะเป็นช่วงอ่อนตัวตามฤดูกาลของธุรกิจ แต่กลุ่มธุรกิจหลักยังมีผลการดำเนินงานที่ดีและสร้างผลกำไรที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือที่ผลประกอบการโดดเด่นมาก เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) สูงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือ (OPEX) อยู่ในระดับต่ำ
“สำหรับแนวโน้มของกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือตลอดทั้งปี 2565 คาดว่าจะสมดุลพอสมควร จากบทวิเคราะห์ของ Clarksons คาดการณ์การเติบโตของการค้าสินค้าแห้งเทกองที่ร้อยละ 1.6 ในหน่วยตัน-ไมล์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่การเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งสินค้าไปสู่เส้นทางที่ระยะไกลขึ้นก็ช่วยลดผลกระทบของการค้าสินค้าแห้งเทกองในหน่วยตัน-ไมล์ได้บ้าง ด้านการขยายกองเรือคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.2 ในหน่วยเดทเวทตัน (DWT)
“รายได้ของกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 1/2565 อันเป็นผลจากการขยายขอบเขตการให้บริการไปยังงานวางสายเคเบิลใต้ทะเล งานรื้อถอน (decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) โดยมีมูลค่าสัญญาให้บริการรอส่งมอบที่แข็งแกร่ง จำนวน 271 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ท่ามกลางปัจจัยตามฤดูกาลที่อ่อนตัวในไตรมาสที่ 1/2565 กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง”
ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ
รายได้ค่าระวางของโทรีเซน ชิปปิ้ง ในไตรมาสที่ 1/2565 อยู่ที่ 3,164.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 83 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยของโทรีเซน ชิปปิ้ง ในไตรมาสที่ 1/2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 119 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 24,987 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 23,898 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 5
ขณะเดียวกัน เรือที่โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของมีอัตราการใช้ประโยชน์เรือสูงถึงร้อยละ 100 ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือ (OPEX) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 4,048 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ทั้งนี้ ด้วยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) ที่สูง และ OPEX ค่อนข้างต่ำ จึงส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 230 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วน EBITDA ของโทรีเซน ชิปปิ้ง ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 309 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 1,449.9 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ ในไตรมาสที่ 1/2565 โทรีเซน ชิปปิ้ง จึงรายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 1,297.0 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 532 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของเรือจำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ จำนวน 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ จำนวน 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 14.0 ปี
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง
บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมดฯ รายงานรายได้จำนวน 1,335.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 136 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการขยายขอบเขตการให้บริการไปยังงานวางสายเคเบิลใต้ทะเล งานรื้อถอน (decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) รวมถึงงานสำรวจใต้ทะเลที่ไม่ใช้เรือ
อย่างไรก็ตาม เมอร์เมดฯ มีผลขาดทุนขั้นต้นจำนวน 77.8 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนในโครงการวางสายเคเบิ้ลใต้ทะเลเพิ่มขึ้น และอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลลดลงในช่วงการซ่อมบำรุงตามแผน ส่งผลให้ EBITDA ของเมอร์เมดฯ ติดลบที่ 161.0 ล้านบาท โดยสรุป เมอร์เมดฯ มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 151.9 ล้านบาท และมีมูลค่าสัญญาให้บริการรอส่งมอบที่แข็งแกร่ง จำนวน 271 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 1/2565
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร
ในไตรมาสที่ 1/2565 บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA รายงานรายได้ที่ 725.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาขายปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการเกษตรอื่น (pesticide) และรายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานที่เพิ่มขึ้น
ปริมาณขายปุ๋ยรวมอยู่ที่ 26.7 พันตัน ลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ปุ๋ยชะลอตัวในช่วงฤดูกาลอ่อนตัวและราคาปุ๋ยที่ปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 1/2565 ทั้งนี้ ปริมาณขายปุ๋ยในประเทศคิดเป็นร้อยละ 88 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมด มีจำนวน 23.4 พันตัน ลดลงร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกัน ปริมาณส่งออกปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 3.3 พันตัน เนื่องจากปริมาณการส่งออกที่ต่ำผิดปกติในไตรมาสที่ 1/2564 ซึ่งถูกจำกัดด้วยอัตราค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ที่สูง และยังคงเป็นปัจจัยที่จำกัดการขนส่งไปยังกลุ่มลูกค้าหลักในแอฟริกา นอกจากธุรกิจปุ๋ยเคมีแล้ว ส่วนรายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานของ PMTA ยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 186 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 23.3 ล้านบาท จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในงวดนี้
สำหรับกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 88.0 ล้านบาท สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของรายได้ ส่วนอัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากร้อยละ 15 และร้อยละ 11 เป็นร้อยละ 12 โดยสรุป PMTA รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 1.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2565
กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage)
พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 176 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดเป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่
ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 11 สาขาทั่วประเทศ
กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์
บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 83.75 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 66.7
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp