ILM ไตรมาส 1/2565 กำไร 160.6 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส  มั่นใจทั้งปีเติบโตทะลุเป้า

49

มิติหุ้น – ILM ประกาศผลงานไตรมาส 1/2565 กำไรสุทธิ 160.6 ล้านบาท เติบโต 10.5% YoY และ 6.4% QoQ สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส นับจากไตรมาส 3/2562 รายได้จากการให้เช่าและบริการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มั่นใจผลประกอบการทั้งปี 2565 เติบโตต่อเนื่อง

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินการไตรมาส 1/2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,149.3 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 0.1% YoY แม้บริษัทฯ ได้ยุติธุรกิจการจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ Power One โดยได้เปลี่ยนพื้นที่การจำหน่ายของ Power One ไปเป็นพื้นที่เช่าให้กับ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) (COM7) โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 ทะลุ 160.6 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส นับจากไตรมาส 3/2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขา ยอดขายออนไลน์ และรายได้จากการให้เช่าและบริการ รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นมาก และการชำระคืนเงินกู้ระยะยาวสถาบันการเงินก่อนกำหนดอย่างต่อเนื่อง

นางสาวกฤษชนก ชี้แจงเพิ่มเติมว่า นับจากมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ มาเป็นระยะๆ โดยฉพาะในช่วงที่หน่วยงานภาครัฐใช้มาตรการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตาม หลังจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ผลประกอบการของบริษัทฯ ได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2564 และในไตรมาส 1/2565 กลับมาอยู่ในระดับเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในปี 2562 เรียบร้อยแล้ว

แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศและธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงสถานการณ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีการล็อกดาวน์อีก ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีมากขึ้น การท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 รวมถึงการส่งออกที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นว่ายอดขายของบริษัทฯ ในปี 2565 จะเติบโตได้ในทุกช่องทางการจำหน่ายหลัก ในขณะที่รายได้จากการให้เช่าและบริการในไตรมาส 1/2565 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจว่าผลประกอบการในปี 2565 จะกลับไปเทียบเท่ากับช่วงเวลาก่อนเกิดการแพร่ระบาด COVID-19 ในปี 2562 ได้อย่างแน่นอน นางสาวกฤษชนก กล่าวสรุป

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp