“KUN” โชว์งบQ1/65 ผ่านฉลุย กำไรโต 41.16 % ลุยเปิดโครงการ “คุณาลัย เดซี่ – คุณาลัย นาวาร่า”ต่อ – มั่นใจปี65 รายได้โต 10-15 %

24

มิติหุ้น   –  นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ “KUN” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์โควิค-19 ที่ระบาดในระลอกใหม่ ทำให้ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยมองหาบ้าน ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันภายในบ้านได้ครบทุกมิติ ประกอบกับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราว สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565  ยิ่งส่งผลให้กลุ่มลูกค้าตัดสินใจในการซื้อบ้านก่อนที่ราคาบ้านจะปรับเพิ่มได้ง่ายขึ้น

 จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2565 ของบริษัทฯมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 38.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 27.39 ล้านบาท และ รายได้รวมที่ 267.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.06 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 190.99 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการส่งมอบโครงการเพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาสแรก บริษัทฯ รับรู้รายได้จาก    5 โครงการหลัก ได้แก่ 1.โครงการคุณาลัย พรีม, 2.โครงการคุณาลัย บีกินส์ 2, 3.โครงการคุณาลัย จอย ออน 314, 4.โครงการคุณาลัย พาร์โก้ และ 5.โครงการคุณาลัย คอร์ทยาร์ด

ส่วนยอดขาย (Presale) ณ สิ้นไตรมาส1/2565 อยู่ที่ 460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มียอดขาย 350 ล้านบาท ซึ่งยอดขายดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25 % ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 1,700 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการของบริษัทฯ ได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้า             ทำให้บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะโครงการ คุณาลัย พาร์โก้ ที่เปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/2565 ได้รับการตอบรับที่ดี จนล่าสุดมียอดขายแล้วกว่า 10 แปลง ซึ่งสามารถทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว ตั้งแต่ในไตรมาสแรก ดังนั้นบริษัทฯ เชื่อว่ายอดขายสำหรับโครงการดังกล่าว มีโอกาสแตะ 50 แปลง ในปีนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน  ทั้งนี้ จากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไตรมาแรก บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือ มูลค่ารวมกว่า 360 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้ภายในไตรมาส 2/2565

“บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบริษัทฯ มีทีมงามที่คอยอัปเดต แนวโน้มเทรนด์รูปแบบที่อยู่อาศัยใหม่ๆ เพื่อจะพัฒนาสินค้าให้ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ยังคงมองหาที่อยู่อาศัยแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียม เนื่องจากตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุค New Normal ได้ดีกว่า เนื่องจากพื้นที่ภายในบ้านที่กว้าง สามารถตอบสนองความต้องการในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการ Work from Home และการเรียนผ่านระบบออนไลน์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมพื้นที่สำหรับติดตั้ง เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) รวมถึงติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ให้กับลูกค้า”

สำหรับภาพรวมของธุรกิจในไตรมาส 2/2565 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KUN กล่าวว่า แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการฟื้นตัวมากขึ้นจากปัจจัยบวกต่างๆ เช่น การเปิดเมืองเพื่อรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวกลับ ดังนั้นโดยส่วนตัวเชื่อว่าดีมานด์และกำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับกลุ่มลูกค้าที่ยังคงต้องการที่อยู่อาศัยก็ยังคงมองว่าบ้านที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ดังนั้นในเร็วๆ นี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ “คุณาลัย เดซี่” ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ตั้งอยู่ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย จำนวนรวม 211     ยูนิต มูลค่าโครงการ 830 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้การตอบรับที่ดีเหมือนทุกๆ โครงการที่ผ่านมา

 ส่วนความคืบหน้า โครงการ “คุณาลัย นาวาร่า” ซึ่งถือว่าเป็นโครงการในทิศที่ 3 โซนกรุงเทพฯ ใต้ (บางขุนเทียน ) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยจุดเด่นของโครงการ คือความพิเศษของทำเลที่อากาศดีที่สุดในกรุงเทพฯ และจะเป็นโครงการสุดท้ายในโซนดังกล่าว ในระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการเพิ่มเติมสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ๆในอนาคต โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นที่จะพัฒนาโครงการให้ครบ 4 ทิศรอบกรุงเทพฯ-ปริมณฑลตามนโยบายของบริษัทฯที่วางไว้ จากปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาแล้ว 2 ทิศ คือ ทิศตะวันตกของกรุงเทพฯโซนบางบัวทอง, ทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ โซนจังหวัดฉะเชิงเทรา และทิศที่ 3 ทิศใต้ โซนบางขุนเทียน ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะเปิดพรีเซล ได้ภายในไตรมาส 4/2565 นี้ อย่างไรก็ตามจากปัจจัยการเติบโตของบริษัทฯ ส่งผลให้ KUN ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายในปี 2565 เพิ่มขึ้น 10-15 % จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1,700 ล้านบาท

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp