มิติหุ้น-บมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) ส่งสัญญาณไตรมาส 2/65 โตต่อเนื่อง มองอุตสาหกรรมสิ่งทอกลับมาสดใส หลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ฟาก “ณัฐ วงศาสุทธิกุล” ระบุหลังเปิดประเทศพร้อมบุกทำตลาดแบบตรง เข้าสู่ End Users ในทวีปเอเชีย ยุโรป และ อเมริกาใต้ มากขึ้น ขณะที่จีนล็อกดาวน์ไม่กระทบเพราะมีตัวแทนดูแลอย่างเต็มกำลัง พร้อมเร่งขยายกำลังผลิตเพิ่มเพื่อรับออเดอร์ล่วงหน้าที่มีสัญญาณดีมาก สนับสนุนผลงานปีนี้ตามเป้าเติบโต 10-15%
นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด(มหาชน) หรือ WFX เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2565 มีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยบริษัทฯเดินหน้ากลยุทธ์การบุกตลาด โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชีย ยุโรป และ อเมริกาใต้ อย่างเต็มที่ หลังจากจะมีการเปิดประเทศมากขึ้น รวมทั้งบริษัทฯเลือกใช้ช่องทางการทำตลาดเข้าสู่ End Users โดยตรง ตลอดจนการที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลง (Economy of scale) รองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในแต่ละ segment ทำให้ขายได้มาร์จิ้นที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ ซึ่งมีการชะลอตัวในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นทำให้ความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม จะมีมากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่กลับมาฟื้นตัวและเติบโต ทำให้มีความต้องการสินค้าที่หลากหลายตอบรับกับแผนขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเส้นด้ายยางยืดเคลือบแป้ง และเคลือบซิลิโคน ผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
” แม้จะมีสถานการณ์ล็อกดาวน์ในประเทศจีนเกิดขึ้น แต่บริษัทฯยังสามารถรักษายอดขายได้อย่างดี เนื่องจากเน้นกลยุทธ์ ในการกระจายทีมตัวแทนขายให้อยู่ในทุกๆหัวเมืองที่สำคัญ สามารถเข้าถึงความต้องการได้ตลอด มีความพร้อมในเรื่องของการตรวจสอบสต็อกสินค้าได้อย่างสม่ำเสมอสามารถทำการหมุนเวียนได้ตลอดเวลา รวมถึงการขนส่งในแต่ละท่าเรือ ก็พร้อมสลับไปอีกพอร์ท เพื่อส่งสินค้าได้ทันท่วงที” นายณัฐกล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 มั่นใจว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อน ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นไปตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยคาดการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดจะเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งในเฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ความคืบหน้าใกล้จะ 100% ซึ่งอาจจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดการเดิม ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565 โดยจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟสรวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากกำลังการผลิต ณ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 40,080 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากจะเน้นกลยุทธ์การเจาะตลาดเพิ่มแล้ว บริษัทฯคาดว่าจะมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆเพิ่ม เพื่อผลิตสินค้าชนิดใหม่มากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อม โดยมีสัญญาณที่ดีเพราะลูกค้าเริ่มให้ความสนใจบ้างแล้ว
อนึ่งผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวดไตรมาส1/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 111.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.19 % จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 40.15 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,143.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.89% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 719.65 ล้านบาท
@mitihoonwealth