บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) สแกนหุ้นเด่น “CK-MAJOR”

20

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) สแกนหุ้นเด่น “CK-MAJOR”

วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน 1,643 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น โดย ATO Picks วันนี้ แนะนำ “CK, MAJOR”

CK

คาดกำไรในช่วงที่เหลือจะดีขึ้นจากการรับรู้รายได้จากเงินปันผลของ TTW และ ส่วนแบ่งกำไรจาก CKP+BEM ที่สูงขึ้น  คาด Backlog ของ CK จะเข้าสู่ New S-Curve ทั้งงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางร่วม 8-9 หมื่นล้านบาท และโอกาสสายสีส้ม

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.0 บาท

MAJOR

คาดกำไรจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 2Q65 เป็นต้นไป หนุนโดยหนังฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่ที่เตรียมจะเข้าฉายมาก อีกทั้งจำนวนที่นั่งในโรงและรอบฉายหนังจะเริ่มกลับมาปกติ  ขณะที่รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม ค่าโฆษณา ค่าเช่า และการผลิตหนัง ก็มีแนวโน้มเติบโตตามไปด้วย

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25.5 บาท

 

INVESTMENT THEME

สหรัฐฯอาจปลดล็อกภาษีนำเข้าสินค้าจีน : ตลาดหุ้นทั่วโลกขานรับเชิงบวกจากถ้อยแถลงของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีโอกาสจะทบทวนมาตรการการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนับ ทรัมป์ โดยหากไบเดน ได้ตัดสินใจยกเลิกมาตรการภาษีดังกล่าว ก็จะส่งผลให้ราคาสินค้าต่างๆในสหรัฐฯมีทิศทางที่ปรับตัวลดลง ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อสหรัฐในปัจจุบันที่ทำจุดสูงสุดในรอบ 40 ปี มีโอกาสจะค่อยๆชะลอตัวลงในช่วงถัดไป จุดนี้ถือว่าเป็นบวกต่อทั้งสหรัฐฯ และจีน ที่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และในทางอ้อมก็จะเป็นแรงหนุนต่อเศรษฐกิจคู่ค้าต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย ดังนั้นจึงควรติดตามมาตรการนี้อย่างใกล้ชิด

Dollar ระยะสั้นยังคงอ่อนค่า : ถ้อยแถลงของนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB บ่งชี้ถึงโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน ก.ค. นี้ เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และคาดจะปรับขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -0.5% จะกลับมาเป็นบวกในช่วงปลาย 3Q65 ส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ โดยล่าสุด Dollar Index ปรับลดลงสู่ระดับ 102 จุด และทำให้ค่าเงินบาทระยะสั้นยังคงแข็งค่าต่อเนื่องมาทดสอบ 34 บาทต่อดอลล่าร์ เพิ่มแรงหนุนต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าในช่วงนี้

 

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET ปรับขึ้น จากโอกาสผ่อนปรนแรงกดดันระหว่างสหรัฐฯกับจึน โดย SET ปิดที่ 1,635.28 (+12.33 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.6 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อ 2,093 ลบ. นักลงทุนสถาบันขาย 187 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติ Long Index Future 25,850 สัญญา

 

EYES ON

24 พ.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของ US และยูโรโซน, ยอดขายบ้านใหม่ US

25 พ.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US, สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ US

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp