มิติหุ้น- จากกรณีที่กำไรของตลาด 1Q65 เพิ่มขึ้น 11% QoQ และ 7% YoY หุ้นภายใต้การวิเคราะห์ของ บล.กสิกรไทย (KS) รายงานกำไรรวม 1Q65 ที่ 2.38 แสนลบ. (เพิ่มขึ้น 11% QoQ และ 7% YoY) สูงกว่าประมาณการของตลาด 5% ขณะที่ประมาณ 60% ของบริษัททั้งหมดทำผลงานได้ดีกว่าประมาณการกำไร
Q1กลุ่มธุรกิจที่กำไรดีกว่าคาด
กลุ่มธนาคาร พลังงาน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ ปิโตรเคมี ที่อยู่อาศัย และสาธารณูปโภค รายงานกำไร 1Q65 ที่แข็งแกร่ง
กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ นิคมอุตสาหกรรม และปิโตรเคมี รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าคาดใน 1Q65
กลุ่มธุรกิจที่Q1ผลงานน่าผิดหวัง
กลุ่มท่องเที่ยว Office REITs ICT และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รายงานกำไร 1Q65 ที่น่าผิดหวัง
กลุ่ม ICT Office REITs ท่องเที่ยว รวมถึงสื่อและสิ่งพิมพ์ กำไร 1Q65 ต่ำกว่าคาด
3 กลุ่มธุรกิจที่กำไรทั้งปีแจ่ม
กลุ่มการแพทย์ พลังงาน และการขนส่ง ทำกำไรรวมทั้งปีดีกว่าประมาณการ (กำไร 1Q65 >30% ของประมาณการทั้งปีหรือมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565)
5 กลุ่มธุรกิจกำไรทั้งปีแย่
กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ICT กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน สื่อและสิ่งพิมพ์ และ Office REIT ทำกำไรรวมทั้งปีแย่กว่าประมาณการ (กำไร 1Q65 <20% ของประมาณการทั้งปีหรือมีแนวโน้มที่อ่อนแอลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2565)
แนวโน้มผลงานQ2ใครเด่น
ส่วนแนวโน้มของกลุ่มธุรกิจ 2Q65 KS คาดว่ากลุ่มบริการ (ธนาคาร การเงิน พาณิชย์ อสังหาฯ เชิงพาณิชย์ การแพทย์ สื่อและสิ่งพิมพ์ ท่องเที่ยว ขนส่ง ICT และสถานีบริการน้ำมัน) จะรายงานกำไร 2Q65 ที่ดีขึ้นจากการกลับมาเปิดภาคเรียน ประชาชนกลับไปทำงานที่สำนักงาน จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ การกลับมาเปิดสถานบันเทิงอีกครั้งและช่วงไฮซีซั่นของการเดินทางในยุโรป
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจากการระบาดของโควิด-19 ในจีน น่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต/การขนส่งสำหรับเกษตรกรและผู้ผลิตใน 2Q65 (กลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหาร ยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง สาธารณูปโภค และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) ผลกระทบสุทธิจะขึ้นอยู่กับอำนาจการกำหนดราคาของบริษัทในการปรับขึ้นราคาขายเพื่อบรรเทาต้นทุนที่สูงขึ้น
กลุ่มอสังหาฯ คาดว่าจะรายงานกำไร 2Q65 ที่อ่อนแอลงเล็กน้อย QoQ และ YoY จากฐานที่สูงเมื่อปีที่แล้ว และเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ E&P โรงกลั่น ถ่านหิน, สินค้าเทกอง ชิปปิ้ง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร) น่าจะรายงานกำไร 2Q65 ที่ดีขึ้น (YoY) จากราคาพลังงาน ส่วนต่างการกลั่น และราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางอุปทานที่ตึงตัว การควบคุมการส่งออกอาหารที่เข้มงวดขึ้น และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ฝ่ายวิจัยคาดว่าหุ้นที่มีแนวโน้มดีขึ้น 2Q65 และช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะทำผลงานได้ดีกว่าตลาด KS จึงได้คัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q65 และแนวโน้มทั้งปีดีขึ้น รวมถึงมี upside จากราคาเป้าหมายของเรา (>15%) ได้แก่ SHR (เป้า 5.56บ.) CENTEL( เป้า 46.59บ.) CPALL(เป้า 73บ.) BJC (เป้า 43.50บ.) SAWAD(เป้า 74บ.) MTC (เป้า 61บ.) CHAYO(เป้า 14.80บ.) HENG (เป้า 5.70บ.)ORI(เป้า13.80บ.) JWD(เป้า22.80บ.) และ DTAC (57.52บ.)
@mitihoonwealth