“PORT” โชว์รายได้ Q1/65 เพิ่มขึ้น 76% หลังอุตสาหกรรมเดินเรือฟื้นตัว ผู้บริหาร มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแกร่ง ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ เติบโต 15 %

176

มิติหุ้น  –  คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เปิดเผยว่า บริษัทฯ เริ่มมีสัญญานที่ดีขึ้น สำหรับรายได้รวมในปี 2565 นี้ คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ 15% ซึ่งเป็นปัจจัยมาจากสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมการเดินเรือในประเทศไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้น สำหรับรายได้รวมในช่วงไตรมาส1/2565 ที่มีรายได้อยู่ที่ 578.69 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีผลขาดทุนอยู่ที่ 7.83 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์เดินเรือโดยเฉพาะน่านน้ำเจ้าพระยาลดลง และผู้ให้บริการส่วนใหญ่ปรับเส้นทางเดินเรือ มุ่งให้บริการเส้นทางตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาแทน เนื่องจากให้มาร์จิ้นที่ดีกว่าเส้นทางเดินเรือในเอเชีย  สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทฯ คาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมา คาดว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากรายได้จากบริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น จากการให้บริการงานเรือบาร์จที่เพิ่มมากขึ้นจากการเปลี่ยนโหมดการขนส่งจากเรือฟิดเดอร์ระหว่างประเทศ สาเหตุจากตารางการเดินเรือระหว่างประเทศที่ยังคงมีการทำงานไม่เป็นปกติ ทำให้สายเดินเรือจำเป็นจะต้องปรับตารางการเดินเรือเข้าเทียบ เฉพาะท่าเรือแหลมฉบังแทนการเข้าเทียบท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจในส่วนของปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ สำหรับการขนส่ง คาดว่าจะเติบโตราว 3-5% เนื่องจาการล็อคดาวน์ในประเทศจีน และการทำสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงส่งผลกระทบให้ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ อีกทั้ง ปัญหาความแออัดของท่าเรือ (Port congestion) ทั่วโลก ตลอดจนค่าระวาง (freight) ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง การเร่งขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เปล่าโดยทางบกเพื่อให้เพื่อเพียงพอต่อความต้องการบรรจุสินค้าเพื่อส่งออก ยังคงเป็นปัจจัยกดดันที่กระทบต่อความสารถในการทำกำไรของบริษัทปีนี้

ในปี 2565 นี้ บริษัทมุ่งเน้นการขยายการให้บริการเรือลำเลียงตู้ (Feeder) ให้กลับมาได้มากที่สุด รวมถึงการขยายการบริการเรือเทกอง (bulk) เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 15% จากปี 2564 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,606.70 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 27.62 ล้านบาท หากว่าอะไรก็ตามที่ทำให้การเดินเรื่องกลับมาสู่สภาวะปกติล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจทั้งสิ้น ซึ่งก็คาดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะกลับมาปรับตัวดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 เป็นต้นไป ล่าสุด บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาให้เช่าพื้นที่ชั้น 5 กับลูกค้า 1 ราย ในอาคารคลังสินช้าให้เช่า ขนาด 6 ชั้น ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการปรับปรุงพื้นที่ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในเดือนกรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทยังมีพื้นที่ให้เช่าในส่วนของชั้น 2 และ ชั้น 3 ขนาด 2,800 ตารางเมตร ต่อชั้น ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะขยายพื้นที่การให้บริการห้องเย็นเพิ่มอีก 5,000-6,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น ซึ่งช่วงเดือนเมษายน 2565 จะสร้างเสร็จและพร้อมให้บริการ ในขนาด 300 ตารางเมตร

บริษัทฯ ยังคงมุ่งเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง มีแผนการลงทุนในปี 2565 บริษัทวางงบไว้ที่ประมาณ 160 ล้านบาท โดยแบ่งการใช้งบออกเป็น งบสำหรับใช้รองรับการลงทุนโครงการท่าเรือแห่งที่ 3 ผ่านบริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (BRT) ซึ่งบริษัทร่วมลงทุนกับบริษัท APM Terminals จำกัด และกลุ่มน้ำตาลมิตรผล จำนวน 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบสำหรับใช้ปรับปรุงอาคารเดิมที่มี จำนวน 40 ล้านบาท และงบสำหรับใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ทั้งคลังสินค้า และพื้นที่ห้องเย็น จำนวน 50 ล้านบาท เป็นต้น สำหรับการลงทุนใหม่ๆ ไม่ว่าจะทั้งรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) หรือการร่วมทุน (JV) บริษัทยังคงมีความสนใจและเปิดโอกาสศึกษาอยู่เสมอเพื่อเข้ามาช่วยเสริมฐานธุรกิจ เพิ่มความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เป็นผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบ วงจรรายใหญ่ของประเทศไทยโดยให้บริการตั้งแต่ 1. ธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ ครบวงจรสำหรับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Feeder) และเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง (Barge)  รวมถึงการให้บริการบรรจุสินค้าเข้าและถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) และซ่อมแซมทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) 2.ธุรกิจการให้บริการขนส่ง ตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ภายในบริเวณจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลบริเวณเขตพื้นที่แหลมฉบัง  3. ธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้าโดยให้บริการพื้นที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์ และคลังจัดเก็บสินค้ากับลูกค้า ทั้งที่เป็นเขตให้บริการปกติและปลอดภาษีอากร (Free Zone) ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯให้บริการแก่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกกลุ่มธุรกิจ e-commerce และอีกหลากหลายอุตสาหกรรม 4.ธุรกิจการให้บริการ เกี่ยวเนื่องอื่นๆ อาทิ การให้บริการ Freight Forwarding เป็นต้น

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp