มิติหุ้น – นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVDH เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจผลดำเนินงานครึ่งปีหลังปี 2565 จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากการเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ ซูเปอร์ โฮลดิ้ง คัมปานี (Super Holding Company) ด้วยการมุ่งขยายลงทุนธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่แยกธุรกิจเดิมออกไปตั้งบริษัทใหม่ชื่อ บริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ทั้งการวางแผนปรับลดต้นทุนมีเดียหรือค่าเช่าเวลาออกอากาศทางช่องทีวีดิจิทัลและทีวีดาวเทียมอย่างต่อเนื่องอีกกว่า 10% จากการต่อรองและการยกเลิกช่วงเวลาที่ถืออยู่ ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนปลายปีนี้ จากไตรมาส 2/2565 ที่ปรับลดลงแล้ว 10% และการวางแผนลดต้นทุนสินค้าที่จำหน่ายให้อยู่ที่ระดับ 48 – 49% ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 59% พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นและสินค้าของบริษัทฯ เอง
ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วง 1 – 2 เดือนที่ผ่านมา หลังปรับโครงสร้างธุรกิจ ได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2565 ได้แก่ การลงทุนโครงการระบบกระจายสัญญาณใยแก้วนำแสง (ไฟเบอร์ออพติก) ในบริษัท เฟิร์สไมล์ จำกัด คาดว่าสร้างผลกำไรแก่บริษัทฯ กว่า 24-25 ล้านบาทต่อปี ส่วนบริษัท ทีวีดี เอ็ม จำกัด (TVDM) จะทยอยลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining) โดยประเมินว่าปัจจุบันราคาบิตคอยน์ได้ผ่านจุดต่ำสุดของรอบนี้ไปแล้ว และภายใต้ราคาปัจจุบันที่ 22,000 – 25,000 เหรียญสหรัฐต่อบิตคอยน์ มั่นใจว่าจะสร้างผลกำไรจากการขุดได้ 13-22% เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่ายหลักทั้ง 3 อย่างคือ 1) การลงทุนเครื่องอยู่ในระดับต่ำเพราะเป็นช่วงที่เครื่องมียอดขายลดลงทำให้บริษัทฯ ได้ในราคาที่ถูกลงถึง 30% 2) การควบคุมค่าจ่ายการควบคุมการขุด ไม่ต้องเพิ่มคน สถานที่และระบบการทำงานที่มีอยู่แล้ว 3) ค่าไฟฟ้าที่บริษัทฯ จะใช้พลังงานทางเลือกเข้ามาร่วมจัดการ ทำให้ได้ราคาต่อหน่วยที่ต้องการ นอกจากนั้นยังเดินหน้าลงทุนในธุรกิจสกุลเงินดิจิทัลเพื่อนำเหรียญดิจิทัลแลกกับสิทธิการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม
Proof of Stake เพื่อสร้างหรือบันทึกข้อมูลธุรกรรมผ่านบล็อกเชน ซึ่งบริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าตอบแทนจากตรวจสอบและบันทึกธุรกรรมดังกล่าว ส่วนบริษัท ทีวีดีโบรกเกอร์ จำกัด (TVDB) มีสาขาในต่างจังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ศรีราชา กระบี่ และได้ฤกษ์เปิดสาขาล่าสุดในจังหวัดพิษณุโลกที่จะเป็นเรือธงอีกสาขาหนึ่ง
ทั้งนี้ สำหรับบริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อรองรับการสปินออฟธุรกิจ B2C ได้แก่ การดำเนินธุรกิจออนไลน์ช้อปปิ้ง ทีวีช้อปปิ้ง และเทเลช้อปปิ้ง เตรียมจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 500 ล้านบาท โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering หรือ RO) ซึ่งจะมีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว
ช่วงสิ้นไตรมาส 3 นี้ เพื่อนำเงินมาใช้ขยายการลงทุนตามแผนงานที่กำหนดไว้ รวมถึงบริษัท เอ็กซ์เพรสโซ่ จำกัด (Xpresso) จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 30 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจให้บริการจัดส่งสินค้าแบบออนดีมานด์อย่างเต็มตัว โดยทั้ง 2 บริษัท ถือหุ้น 100%โดย TVDH
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจใหม่อีก 2 โครงการในปีนี้ ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้ว 1 โครงการ คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการลงทุนที่มี นายอิทธิ ทองแตง เป็นประธาน ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และอีก 1 โครงการอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะสรุปการลงทุนภายในปีนี้
ขณะที่ผลดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2565 เป็นช่วงที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างใหม่ประกอบกับกำลังการซื้อของผู้บริโภคยังชะลอตัว จากภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้ค่าครองชีพปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีรายได้รวม 537.4 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 121.2 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าไตรมาสหนึ่งผ่านมาพอควร อย่างไรก็ตามจากการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่และเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ B2C โดยการจัดตั้ง TeleMarketing Academy เพื่อเปิด
คอร์สให้บริการฝึกอบรมแก่ผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะด้านการขายสินค้าผ่านระบบเทเลเซล หรือนำไปปรับใช้กับการขายสินค้าทางออนไลน์ พร้อมมีตำแหน่งงานรองรับหากมีทักษะที่ดี ดังนั้นมั่นใจจะสามารถนำบริษัทฯ กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้โครงสร้างธุรกิจใหม่
@mitihoonwealth