มิติหุ้น- บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่าทางฝ่ายประเมินความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอยคาดยังปกคลุม ภาพการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และโยกย้ายเงินกลับเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย หลังธนาคารกลางหลักๆ หลายแห่ง ยังคงเดินหน้าในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงอัตราเงินเฟ้อลงมาให้อยู่ในกรอบเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งอาจแลกมา กับการเติบโตเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สะท้อนจากประมาณการของหลายสํานักที่ หั่นคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจลง ไม่ว่าจะเป็น Fed ที่คาด GDP สหรัฐฯ ปี 65 จะขยายตัวเพียง 0.2% y-y และขยายตัวต่อ 1.2% y-y ในปี 66 จาก ประมาณการครั้งก่อนที่คาดขยายตัว 1.7% y-y ทั้งปี 65 และ ปี 66 ซึ่งสอดรับกับตัวเลข GDP ที่ออกมาล่าสุดพบว่า ติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว (1Q65 หดตัว 1.6% q-q, 2Q65 หดตัว 0.6% q-q) ขณะที่เศรษฐกิจยุโรป แม้ปีนี้ คาด GDP จะยังขยายตัวได้3.1% y-y จากตัวเลขคาดการณ์ของ OECD หากแต่ปี 66 คาดขยายตัวเพียง 0.3% y-y หลังหลายประเทศในยุโรปมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนจีนและญี่ปุ่น แม้ปัจจุบันจะดำเนิน นโยบายการเงินสวนทาง หากแต่อัตราการเติบโตเศรษฐกิจทั้งในปีนี้และปีหน้าก็สะท้อนภาพการชะลอตัวไม่ต่างกัน
แม้ไทยยังดี แต่ยังมีปัจจัยต้องติดตาม:
สําหรับประเทศไทย แม้ล่าสุด World Bank จะปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 65 จะขยายตัว 3.1% y-y จากเดิมขยายตัว 2.9% y-y และขยายตัวต่อ 4.1% y-y ในปี 66 ขานรับผลบวกจาก ภาคท่องเที่ยวที่ยังโตเด่น หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง บวกกับการบริโภคภาคเอกชนที่ดีขึ้น จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นหลังมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หากแต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามที่อาจจะยังเป็นความเสี่ยงทางลงได้ ทั้งตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ต้องจับตาว่าจะผ่านจุดสูงสุดหรือยัง หลังข้อมูลเดือน ส.ค. 65 พบว่ายังคงทำสถิติใหม่ ขยายตัว 7.86% y-y ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อ การเติบโตภาคการส่งออกและนำเข้าของไทย
ปัจจัยการเมืองเริ่มคลี่คลาย
ขณะที่ประเด็นการเมือง แม้คำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากการนับวาระตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 60 ประกาศใช้ หากแต่ ทางฝ่ายให้นํ้าหนักต่อภาพข้างหน้ามากกว่า หลัง กกต. กําหนดวันเลือกตั้งแล้วเป็นวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. 66 กรณีที่ สภาผู้แทนราษฎรอยู่จนครบวาระเดือน มี.ค. 66 อีกทั้งยังคาดอาจจะเกิดขึ้นก่อนได้ หากมีการยุบสภาเกิดขึ้น
คาด SET Index ผันผวน
คาด SET Index ผันผวนในกรอบ 1,580-1,620 จุด ทั้งนี้ แม้ประเด็นการเมืองไทยที่เป็น Overhang ต่อตลาดจะ คลี่คลายลงหลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ไปต่อ แต่คาดถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจเริ่มสะท้อน และหลายสํานัก ออกมาหั่นคาดการณ์ GDP โลกทั้งปี 65 และปี 66 ลง
กลยุทธ์การลงทุน:
เลือกลงทุนหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง Domestic Plays ขานรับภาคการท่องเที่ยวยังสดใส และ การบริโภคเริ่มฟื้นตัว หลังมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และ การยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ท่ามกลางปัจจัยภายนอกยังมี ความเสี่ยง และตลาดหุ้นจีนปิดทั้งสัปดาห์ (วันชาติจีน)
จึงแนะนำหุ้นเด่น คือ PTG HMPRO
1.PTG คาดโตดีทั้งธุรกิจ Oil และ Non-Oil ขานรับ การคลายล็อกดาวน์, ยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน – คาดผลดำเนินงานปาล์มคอมเพล็กซ์ดีขึ้นตาม ราคาวัตถุดิบที่ลดลง + ปรับสูตรไบโอดีเซล
2.HMPRO ผลดำาเนินงาน 4Q65 คาดสดใส รับแรงบวก จากกําลัง ซื้อคาดสูงขึ้น หลังขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ บวกกับแรงหนุนจากการเข้าสู่ High Season – รับผลบวกจากการซ่อมสร้างหลังน้ำท่วม
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp