มิติหุ้น-‘กลุ่ม บมจ. เจ มาร์ท หรือ JMART’ ปัจจุบันขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว ถือได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นผู้นำใน “ธุรกิจค้าปลีก” ที่มีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย แตกต่างและไม่เหมือนใคร ทำให้ผลงานในทุกๆธุรกิจของ ‘กลุ่มJMART’ เติบโตได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ และยังนับเป็นการพิสูจน์ฝีมือ แม้จะอยู่ในทามกลางวิกฤติต่างๆ
‘กลุ่มJMART’ ได้ใช้หมัดเด็ดด้วยการชูจุดแข็ง Strong Synergy & Ecosystem ที่ครบวงจร ทั้งด้านธุรกิจ Retail – Finance – Technology ทำให้พูดได้อย่างมั่นใจว่า วันนี้ ‘กลุ่มJMART’ แข็งแรงที่สุดแล้วในหมวดอุตสาหกรรมเดียวกัน
บ.ในเครือพารวย
ธุรกิจที่เป็นหัวหอกในการสร้างกำไรของ ‘กลุ่มJMART’ นั่นก็ คือ JMT หรือ บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ด้วยความสามารถจัดเก็บหนี้ Cash Collection ที่ยังสร้างกระแสเงินสดอย่างมั่นคง และทิศทางครึ่งหลังปี 65 ยังเตรียมซื้อหนี้ เข้ามาบริหารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปี 65 ตั้งเป้าซื้อหนี้เข้ามาบริหาร 10,000 ล้านบาท ด้วยพอร์ตที่มีคุณภาพ
ขณะที่ SINGER หรือ บมจ. ซิงเกอร์ ประเทศไทย ไม่น้อยหน้า เร่งขยายเครือข่ายตัวแทน และแฟรน์ไชส์ ทำให้ภาพรวมการขายและการปล่อยสินเชื่อยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงยังสามารถควบคุมและรักษา NPL ได้ในระดับต่ำ สะท้อนการจัดการหนี้ที่ดีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยปี 65 ตั้งเป้า 15,500 ล้านบาท
ส่วน J หรือ บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท เริ่มสร้างมูลค่าจาก Community Mall และขยายไปสู่ธุรกิจด้านสุขภาพที่เป็นรากฐานการทำกำไรที่มั่นคงในอนาคต ล่าสุดในปี 65 เริ่มรับรู้รายได้ Community Mall แห่งที่ 5 “ JAS Green Village คู้บอน” เต็มปี แถมเตรียมเปิด Community Mall แห่งที่ 6และ7 พร้อมปักธงกำไรนิวไฮยาวต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปีข้าางหน้า (66-70) ส่วน“กลุ่มธุรกิจ Health Care and Service” สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ ภายใต้แบรนด์ “SENERA” เตรียมจะเปิดให้บริการแห่งแรกที่ศูนย์การค้าชุมชน JAS Green village คู้บอน ภายใน Q4/65 ตามแผน พร้อมตั้งเป้าผลักดัน “SENERA” เข้าตลาดหุ้นอีกด้วย
จับตาธุรกิจดาวเด่นของกลุ่มฯ
Jaymart Mobile หรือ บจ.เจมาร์ท โมบาย ยิ้มรับช่องทางการขายผ่าน Synergy และกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในครึ่งปีหลัง สินค้ามือถือ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ทยอยเปิดตัว หนุนงบสตรองตามเป้า
ขณะที่ JVC หรือ บจ.เจ เวนเจอร์ส บริษัทด้านเทคโนโลยีที่ยังซ่อนมูลค่าให้กับ‘กลุ่มJMART’ แบบที่คาดไม่ถึง ล่าสุดสร้างบล็อคเชนเป็นของตัวเอง JFIN Chain ด้วยลักษณะ Proof of Stake Configuration เริ่มสร้างกำไรและตัวเลขการเติบโตที่มีนัยสำคัญ โดยครึ่งปีแรก JVC ทำกำไรสุทธิแล้วที่ 7 ล้านบาท มั่นใจจะเป็นบริษัทที่เป็นอนาคตของ ‘กลุ่มJMART’ ที่ทุกคนต้องจับตา พร้อมกันนี้ บริษัทวางแผน ภายในปี 67 จะนำเทคโนโลยีบล็อคเชน บิ๊กดาต้า และนวัตกรรมทางดิจิทัล เข้ามาใช้ใน ธุรกิจค้าปลีก พัฒนารูปแบบธุรกิจและผลิตภัณฑ์ด้านธุรกิจการเงินให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน ลดหนี้ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
*** ด้วยเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมวิสัยทัศนสร้างสรรค์มูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสียผ่านการลงทุนใน Synergy และเทคโนโลยีนั้น มั่นใจจะนำพาธุรกิจขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำระดับประเทศได้ พร้อมทั้งผลักดันมูลค่ากิจการรวมทั้ง ‘กลุ่มJMART’ สู่ระดับ 500,000 ล้านบาท ได้ในปี 67 หรือเติบโตขึ้น 529% เทียบกับปี 64
@mitihoonwealth