ปรับพอร์ตรับมือแรงเทขาย

42

ตลาดหุ้นไทยวันทำการแรกของสัปดาห์นี้ ระหว่างวันปรับตัวอยู่ในแดนบวก แต่ปิดตลาดด้วยตัวเลข -0.07 เปลี่ยนแปลง 0.00% ไม่บ่อยนักที่ตลาดหุ้นจะปิดตลาดแบบคงที่เช่นนี้ ทำให้เห็นว่าตลาดหุ้นยังไม่แรงวิ่งไปไกลมากนักพร้อมกับมีแรงขายต่อเนื่องจากต่างชาติ หลังดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศทาง เงินดอลล่าร์พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นที่อิงกับการส่งออกหรือมีเงินทุนฯไหลเข้ามาช่วงก่อนหน้านี้ถูกเทขาย ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยมีแรงขาย 8 เดือนติดต่อกันแล้ว รวมกันกว่า 1.2 แสนล้านบาท เฉพาะเดือน พ.ค. นี้ต่างชาติขายออกไปแล้วกว่า 8.5 พันล้านบาท  ซึ่งหากสัปดาห์นี้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯและดอลล่าร์ยังแข็งค่าต่อ ก็อาจจะทำให้แรงขายยังมีต่อไป นี่จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในสัปดาห์นี้ ที่นักลงทุนต้องระมัดระวังนะครับ

อีกปัจจัยสำคัญคือ นโยบายการค้าของสหรัฐฯจีนที่ยังไม่มีความชัดเจนแม้ว่าจะมีการเจรจากัน แต่ไม่มีแนวโน้มที่ดีชัดเจนทำให้ตลาดอาจกลับมาวิตกกังวลได้อีกและอีกปัจจัย คือ การประกาศคว่ำบาตรประเทศอิหร่านของสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับ 70 เหรียญฯ แม้เป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันแต่อาจไม่เป็นบวกต่อตลาดมากนัก เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นจะทำให้เกิดความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะต้องติดตามดูว่าสหรัฐฯจะมีดำเนินการอย่างไรกับอิหร่านในเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน

ดังนั้นในช่วงสัปดาห์นี้ KTBST มองว่าตลาดน่าจะมีความผันผวนสูง และมีความกังวลต่อแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นต่างๆ รวมทั้งตลาดไทย นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนเพื่อลดพอร์ต โดยเฉพาะหุ้นที่จะถูกต่างชาติขาย เช่น กลุ่มธนาคาร ปิโตรเคมี หรืออาจเน้นลงทุนกรอบสั้นได้ในหุ้นที่มีความปลอดภัย เช่น หุ้นโรงไฟฟ้า GULF , GPSC  ขณะเดียวกัน

สำหรับการจัดสินทรัพย์ลงทุนในช่วงที่ตลาดความผันผวนนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาลดน้ำหนักในหุ้นลง เน้นสินทรัพย์อย่างทองคำ น้ำมัน เพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนและเก็งกำไรไปด้วยในตัว รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักในอสังหาริมทรัพย์ REIT ในประเทศไทยที่ยังให้ผลตอบแทนดี

โดยชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST)