LEO ลุย! บอร์ดอนุมัติจับมือพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ตั้งบริษัทใหม่ 4 บริษัทขยายธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์/Cold Chain/Self Storage/Warehouse

144

มิติหุ้น  –  บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เดินหน้าสร้างศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้า, Cold Chain Logistics Center และ Warehouse รวมถึงขยายธุรกิจ  Self Storage แห่งที่ และ คาดว่าจะเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight ให้กับบริษัทได้อย่างน้อย 200 ล้านบาทต่อปี ภายใน ปีข้างหน้า   บอร์ด LEO ไฟเขียวอนุมัติงบ 261.4 ล้านบาท. ลุย JV กับ พันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าแบบครบวงจร ฟาก “เกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์” มั่นใจสามารถต่อยอดและนำพา LEO ให้ก้าวต่อไปอย่างก้าวกระโดด แข็งแกร่งและยั่งยืน 

 

นายเกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ  มีมติอนุมัติเรื่องการจัดตั้งบริษัทใหม่และการเข้าลงทุนในธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์และกระจายสินค้า   ศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ หรือ Cold Chain Logistics Center  ธุรกิจห้องเก็บของให้เช่าหรือ Self Storage และ Warehouse      รวมถึงจัดตั้งบริษัท Buying & Sourcing Agent เพื่อเป็นตัวแทนในกานส่งออกสินค้าไปประเทศจีน พร้อมประกาศเดินหน้าเปิดสาขา 3-4 ของ LEO Self Storage โดยอนุมัติงบทั้งสิ้น 261,439,594.60 บาท เพื่อนำไปขยายโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ ต่อไป

 

โดยคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าร่วมลงทุนกับ ADVANTIS FREIGHT (PVT) LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทระดับ Regional Player ในภูมิภาค Asia เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ และถือหุ้นร่วมกันในการดำเนินธุรกิจ Logistics & Distribution Center มีทุนจดทะเบียน จำนวน 55,000,000 บาท โดยบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ลงทุน 26,950,000บาท คิดเป็น 49 % และ บริษัท ADVANTIS FREIGHT (PVT) LIMITED และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ (ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน) ลงทุน 28,050,000บาท คิดเป็น 51 % เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจในด้าน Logistics & Distribution Center ให้กับบริษัท

 

และได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนกับ บริษัท เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด (SK Asset Management Company Limited.)  บริษัทในเครือ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่เพื่อดำเนินโครงการ Self-Storage แห่งที่ 3 เพื่อให้บริการพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่า และพัฒนาธุรกิจคลังสินค้าและให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Self-Storage, Warehouse & Integrated Logistics Services Project) ร่วมกัน โดยมีทุนจดทะเบียนในช่วงเริ่มต้นที่ 10,000,000 บาท สัดส่วนการลงทุน บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ลงทุน 5,000,000บาท คิดเป็น 50% และ บริษัทเอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด ลงทุน 5,000,000 บาท คิดเป็น 50 % เพื่อใช้ในการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจ Self-Storage และ Warehouse ของบริษัทฯ  

 

ที่ประชุมคณะกรรมการยังได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัทใหม่ร่วมกับ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ในการดำเนินธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics Center) และให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร มีทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท และมีสัดส่วนการลงทุน บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ลงทุน 50,000,000 บาท คิดเป็น 50 % และบริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) ลงทุน 50,000,000 บาท คิดเป็น 50 % เพื่อเป็นการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจ Cold Chain Warehouse และ  Integrated Logistics Services ของบริษัทฯ  

 

และได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในโครงการ LEO Self Storage แห่งที่ 4 เพื่อให้บริการพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่า (Self-Storage) มีมูลค่าการลงทุน 174,489,594.60 บาท  ประกอบด้วยค่าเช่าทรัพย์สินตลอดอายุสัญญารวม 116.04 ล้านบาท โดยใช้งบลงทุนในการพัฒนาโครงการรวมทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 58.44 ล้านบาท  เพื่อเป็นการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจ Self-Storage ของบริษัทฯ  

 

นอกจากนี้ยังได้อนุมัติให้บริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจในการเป็นตัวแทนในการจัดหาสินค้าจากประเทศไทยส่งออกไปประเทศจีน (Buying & Sourcing Agent) และสนับสนุน  E-commerce Platform ของทาง China Post และ Yunnan Tengjun   มีทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท สัดส่วน คิดเป็น 100 % โดยบริษัทเล็งเห็นว่ารายได้และกำไรจากธุรกิจในลักษณะของการ Sourcing & Supply Chain Management ไปยังประเทศจีนที่เป็นประเทศคู่ค้าหลักที่สำคัญของประเทศไทยจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

 

LEO มองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอยู่เสมอ จึงมองหาพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาช่วยต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจ Logistics & Distribution Center, Warehouse และ Self Storage ที่เป็นธุรกิจ Non-Freight และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว  สามารถขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ในการให้บริการได้รวดเร็วมากขึ้น ประกอบกับกลยุทธ์การบริหารที่ LEO มุ่งเน้นไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ซึ่งถึงพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการที่เป็นเลิศ และสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์การการค้าและระบบโลจิสติกส์ของโลกในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายธุรกิจ Non Freight ของบริษัทฯร่วมกับพันธมิตรของบริษัทให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แข็งแกร่งและยั่งยืน ส่งผลให้บริษัทฯมีความสามารถในการสร้างยอดขายและกำไรของบริษัทให้เติบโตและสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่องและยั่งยืน ” นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp