“ริสแลนด์ (ประเทศไทย)” เตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 2,000 ล้าน ดอกเบี้ย 6.50% ต่อปี คาดว่าเปิดจองซื้อ 14-16 พ.ย.นี้ หวังเสริมแกร่งธุรกิจในอนาคต

83

มิติหุ้น  –  นาย หง อี้ เถิง  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด (บริษัทฯ หรือ RLTH) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ (PP-II&HNW) วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.

ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่คาดว่าจะเสนอขายมีอายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ในราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ซึ่งมีโครงการเดอะ ลิฟวิ่น เพชรเกษม (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ราคาประเมินอยู่ที่ 3,155 ล้านบาทเป็นหลักประกัน พร้อมแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคยเฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ซึ่งคาดว่าจะให้จองซื้อพร้อมกันในวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2565 เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ และ/หรือ กลุ่มบริษัทต่อไป

“เราเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้นกู้มีประกันของเราในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหุ้นกู้ RLTH ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยผู้ออกหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ภายใต้การพัฒนาและบริหารงานจำนวนมาก สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจตลอดการถือครอง” นาย หง อี้ เถิง  กล่าว

แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 654.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 218.30 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ มีความสามารถในการรักษารายได้และกำไรไว้ได้ อีกทั้ง บริษัทฯ ยังได้ชำระคืนเงินต้นทั้งหมดของเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวน 1,200 ล้านบาท และได้ไถ่ถอนหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 และครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 1 จำนวน 1,500 ล้านบาท และ 575 ล้านบาท ที่ครบกำหนดวันที่ 24 กรกฎาคม 2565 และ 1 ตุลาคม 2565 เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp