มิติหุ้น – BGC โดย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทฯมีความพยายามในการลดต้นทุนการผลิตลงผ่านการปรับสัดส่วนการใช้งานวัตถุดิบเช่น การเพิ่มสัดส่วนวัตถุดิบเศษแก้ว (Cullet) ที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์จาก 60% เป็น 70% (ลดสัดส่วน Soda Ash ที่มีราคาแพง) และการล็อกราคาวัตถุดิบส่วนใหญ่ล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงการปรับราคาเป็นแบบCost Plus กับกลุ่มลูกค้าราว 80%
ฝ่ายวิจัยจึงมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 2H65 จะสามารถฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 14% +/- (ในกรณีที่ไม่มี Geopolitical Risk ใหม่) 2) ปริมาณขายบรรจุภัณฑ์ทุกประเภทมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลายและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3) ประสิทธิภาพในการผลิตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษและพลาสติกที่สูงขึ้นและ 4) สัดส่วนรายได้จากการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่องของ BGC (การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเช่น สหรัฐฯ ทาให้ได้อัตรากาไรขั้นต้นที่สูงขึ้น) มุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2593
พร้อมประเมินรายได้จากยอดขายทั้งปี 65 อยู่ที่ 14,824 ลบ.เติบโต 16.4 % กำไรสุทธิ 438 ลบ.พร้อมปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H66 ที่ 12.00 บาท
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp