แน่นอนว่า เวลาหุ้นขึ้นมักไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครเอาเงินให้บริษัท แต่เวลาหุ้นลง ทัวร์ก็ลงบริษัทนั้นเช่นกัน …กรณี STARK ที่หุ้นลงแรงมาสู่ราคา 3.26 บาทต่ำสุดในรอบเกือบ 24 เดือน และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บริษัทเพิ่มทุน PP จำนวน 1,500 ล้านหุ้นเพื่อนำเงินไปซื้อบริษัท LEONI เป็นผู้นำด้านสายไฟ Automotive & EV อันดับ 1 ของโลกซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน ทั้งนี้ดีลการซื้อ LEONI มีกำหนดการที่จะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/65 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเข้าถือในอัตรา 100%
ดูเหมือนดีลนี้จะเป็นข่าวดีกับ STARK เพราะ LEONI มีอนาคตในธุรกิจ EV และมีผลประกอบการที่โดดเด่น แต่หลังจากมีการสรุปราคาหุ้น PP จำนวน 1,500 ล้านหุ้นที่ 3.72 บาท เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 65 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาหุ้นในวันก่อนหน้าที่ 4 บาทราว 7.5% กลับทำให้เกิดการถล่มของราคาหุ้นด้วยโวลุ่มไม่น้อยอย่างต่อเนื่องกันหลายวันจนลงสู่ 3.26 บาทเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 65 จนนำมาซึ่ง Talk of The Town อย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับ STARK (อีกแล้ว)
มิติหุ้นได้ทำการสัมภาษณ์ ประธานกรรมการของ STARK คือนายชนินทร์ เย็นสุดใจ เพื่อขอทราบเหตุที่หุ้นลง หรือข้อสังเกตใดๆ ที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์นี้ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจแบบคำต่อคำ ดังต่อไปนี้
มิติหุ้น: ถามตรงๆ เลยว่า ทำไมหุ้นลงแรง กองทุนที่ซื้อหุ้นมีอะไรไม่พอใจหรือไม่ หรือผู้ถือหุ้นขายหุ้นออกมาหรือเปล่า
ชนินทร์ : ตามข้อสังเกต มันมีทั้งปัจจัยจากภายนอก และปัจจัยจากการขายหุ้นในรอบนี้ ด้านปัจจัยภายนอก เนื่องจาก LEONI อยู่ในยุโรป และในเวลาเดียวกัน เราน่าจะเห็นข่าวที่ยุโรปมีปัญหาด้านพลังงาน เงินเฟ้อพุ่งรุนแรง อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนหนักมาก และกังวลสงครามที่เกิดขึ้น อาจทำให้ Investor ชักเริ่มลังเลธุรกิจที่ STARK เข้าไปถือในยุโรป ซึ่งจริงๆ แล้วในมุมมองของ STARK เอง ยังชัดเจนมาก เพราะ LEONI กับธุรกิจ EV คือ S-Curve แห่งอนาคต อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทไม่มีการขายหุ้นออกมา เรายังถือไว้ตามเดิมทุกประการ
มิติหุ้น: แล้วงี้ การที่หุ้นเวียดนามตกรุนแรง ก็ทำให้กังวลธุรกิจที่นั่นด้วยหรือเปล่า
ชนินทร์ : อันนี้ก็ด้วย เพราะโรงงาน Phelps dodge ที่ใหญ่ที่สุดของเราอยู่เวียดนาม พอตลาดหุ้นลง นักลงทุนคงไม่สบายใจ ทั้งๆ ที่ไม่กระทบอะไรเลยกับการผลิตของโรงงาน และยังมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
มิติหุ้น : เมื่อทั้งยุโรป และเวียดนาม ไม่ควรจะเป็นปัญหา แล้วทำไมหุ้นถึงลงหนักหรือว่ามีเหตุให้กระทบกับการเพิ่มทุนรอบนี้หรือไม่
ชนินทร์: อย่างที่บอก พอเกิดปัจจัยมันก็เลยคิดกันไป ซึ่งดีลของบริษัทยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง การขาย PP รอบนี้จบด้วยดี เราได้ประกาศ 15 รายชื่อของ Investor แล้ว มีกองทุนทั้งในและต่างประเทศใส่เงินให้เราครบถ้วน ตอนนี้กำเงินไว้ในมือแล้วกว่า 5 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นหน้าที่ของ STARK ที่จะต้องปิดดีลซื้อ LEONI ในปีนี้
มิติหุ้น: ฟังดูก็ราบรื่น เงินก็รับมาครบ แล้วใครมาทุบหุ้น
ชนินทร์: ตามข้อสังเกตของผมนะ ราคาที่เราขายให้ Investor มีส่วนลดสูงถึง 7.5% เราต้องยอมให้ส่วนลด เพราะตอนนี้เงินบาทอ่อนมาก อีกทั้งเข้าสู่ปลายปีเรามีแผนซื้อ LEONI ให้ได้ จึงต้องยอมกันที่ราคานี้ และในกลุ่ม Investor มีกองทุนเฮดจ์ ฟันด์ ซึ่งทุกคนจะรู้ว่าพวกนี้บางทีอาจเลือกความปลอดภัยในเงินลงทุน และตีหัวเข้าบ้าน เมื่อเห็นส่วนลดได้มากขนาดนี้ จึงเทขายหุ้นออกมา โดยมันเกิดทั้ง Short sell ก่อนได้หุ้น ซึ่งหากไปเช็คดูจะเห็นหุ้นถูก Short ออกมาก่อน และพอได้หุ้นก็มีการขายออกมาอีก นอกจากนี้ หุ้น STARK มีสภาพคล่องดี โบรกเกอร์ปล่อยมาร์จิ้นท์มาก จึงคาดว่ามีนักลงทุนเล่นมาร์จิ้น กันเยอะ พอราคาลงแรงก็อาจถูก Force sell ออกมานั่นเอง ทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้เกิดจากดีลล้มแต่ประการใด มันน่าจะเป็นเรื่องปัจจัยด้านการซื้อขายในตลาด
มิติหุ้น : ผลประกอบการมีปัญหาหรือไม่ กองทุนได้ข้อมูลอะไรที่ภายนอกไม่รู้หรือเปล่า
ชนินทร์: ขอให้เชื่อมั่นในบริษัท ผลประกอบการเราเติบโตจากอดีตมาก ค่าพีอีก็ลดลง และการที่ราคาหุ้นลงก็ยิ่งทำให้พีอีเราต่ำลงไปอีก สิ่งที่เรากำลังทำเรามองไปถึงธุรกิจที่เป็น S-Curve เราไม่ได้หยุดแค่นี้ แต่ละธุรกิจที่ Stark มีอยู่ ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทระดับโลก แต่นักลงทุนคิดต่างกัน มองกันที่ราคาขึ้นลง ขณะที่เรากำลังสร้างอนาคตของบริษัท
@mitihoonwealth