มิติหุ้น-บอร์ด CGD เคาะวันแจกวอร์แรนต์ (CGD-W4) ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 5 : 1 โดยมีราคาแปลงสิทธิที่ 2.75 บาท/หุ้น พร้อมโชว์งบสวยไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 138% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 63ล้านบาท มั่นใจโครงการ “เจ้าพระยาเอสเตท” สร้างเสร็จตามแผน จ่อรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปี หนุนผลงานปี 61 รายได้-กำไรก้าวกระโดด
นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการ “เจ้าพระยาเอสเตท” ซึ่งประกอบไปด้วยโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ, โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพ และคอนโดมิเนียมหรู โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพ ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ตามแผน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีการรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปีนี้เป็นจำนวนมากจากยอดขายรอโอน ทำให้มีโอกาสเห็นผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปีและเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีหน้า
“มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน เนื่องจากเป็นช่วงของการลงทุน เพื่อสร้างฐานธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง อย่างไรก็ตาม หลังจากโครงการเจ้าพระยาเอสเตท สร้างเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการ จะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามแผน
นอกจากนี้ ตามที่ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ประจําปี 2561 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561ได้มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 4 (CGD-W4) จํานวนไม่เกิน 1,653,225,590 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตรา 5 หุ้นเดิม (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ต่อ 1 หน่วยของใบสําคัญแสดงสิทธินั้น และมีอัตราการใช้สิทธิวอแรนต์ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 2.75 บาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 ได้มีมติอนุมัติวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร CGD-W4 เป็นวันที่ 15 มิถุนายน 2561 และกำหนดวันที่ออก CGD-W4 27 มิถุนายน 2561 ซึ่งจะครบกำหนดอายุในวันที่ 26 มิถุนายน2564
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/61 มีรายได้รวม 281 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการอิลีเม้นท์ ศรีนครินทร์ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 81% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 155 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 63 ล้านบาท