มิติหุ้น – นางสาวจารุชา สติมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (กองทรัสต์ WHAIR) เปิดเผยว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่ง Filing ในการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 โดยเสนอขาย จำนวนไม่เกิน 119.50 ล้านหน่วย เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 4 รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,345.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนได้แล้วเสร็จภายในปลายปี 2565 นี้
สำหรับการลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ ยังคงเป็นการลงทุนในสิทธิการเช่าในอาคารโรงงานสำเร็จรูป (Ready Built Factory ) และ คลังสินค้าสำเร็จรูป (Ready Built Warehouse ) ระยะเวลา 30 ปี และสิทธิในการต่ออายุสัญญาเช่าทรัพย์สินอีก 30 ปี จำนวนทั้งหมด 14 หลัง จาก 7 โครงการ พื้นที่รวม 48,186 ตารางเมตร โดยเป็นทรัพย์สินจาก 3 บริษัท ภายใต้กลุ่มของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งของประเทศไทย ได้แก่
1.) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด เป็นอาคารโรงงานสำเร็จรูป จำนวน 1 หลัง และคลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 3 หลัง ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 (WHA ESIE 1) และโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 2 (WHA LP 2)
2.) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล บิวดิ้ง จำกัด เป็นอาคารโรงงานสำเร็จรูป จำนวน 3 หลัง และคลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 4 หลัง ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE), โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1), โครงการนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ (KABIN), โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 1 (WHA LP 1) และโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 4 (WHA LP 4) และ
3.) บริษัท อีสเทิร์น ซีบอร์ด อินดัสเตรียล เอสเตท (ระยอง) จำกัด เป็นอาคารโรงงานสำเร็จรูป จำนวน 3 หลัง ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE)
“เขตพื้นที่ EEC เป็นเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศครอบคลุมอุตสาหกรรม new S curve ที่จะเป็นอุตสาหกรรมอนาคตของประเทศไทย ดังนั้นการที่โรงงานและคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่าของกองทรัสต์ WHAIR กว่า 90% ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ EEC ทั้งจังหวัดระยองและชลบุรี ที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การลงทุนของประเทศไทย จึงสามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี ดังนั้นกองทรัสต์ WHAIR ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนดี และมีโอกาสเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตกับธีม EEC อย่างแท้จริง”
ดังนั้นภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมจะส่งผลให้ กองทรัสต์ WHAIR มีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 428,818 ตารางเมตร และมีมูลค่าทรัพย์สินรวม กว่า 13,000 ล้านบาท
ล่าสุดทาง “กองทรัสต์ WHAIR” คว้ารางวัล “Outstanding REIT Performance” ประจำปี 2565 ภายในงาน SET Awards จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทรัสต์ WHAIR ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยนำข้อมูลเกี่ยวกับผลประกอบการทางธุรกิจ และการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลกิจการและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHAIR มองว่า รางวัล Outstanding REIT Performance สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่สามารถสร้างผลประกอบการทางธุรกิจที่เติบโตอย่างโดดเด่นและยั่งยืนเหนือสภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา
นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR กล่าวว่า สำหรับการลงทุนเพิ่มเติมของกองทรัสต์ WHAIR มีความโดดเด่นในด้านของทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง) และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ (จังหวัดปราจีนบุรี) ซึ่งถือเป็นทำเลบนจุดยุทธ์ศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เนื่องจากบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด เป็นจุดเชื่อมโยงฐานการผลิตและการขนส่งสินค้าทั้งทางบก(ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี มอเตอร์เวย์ และถนนพหลโยธิน) ทางอากาศ (สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ สนามบินนานาชาติดอนเมือง และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา) และทางน้ำ (ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพ) ในขณะที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ อยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรมของจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่ใกล้กรุงเทพมหานคร รวมถึงความสะดวกในการเดินทางไปยังท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสู่พื้นที่การลงทุนใหม่ ๆ ของภูมิภาคอินโดจีน โดยทั้งสองทำเลมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี
“ จากผลประกอบการที่ผ่านมา ทางกองทรัสต์ WHAIR สามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 90 แม้แต่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทรัสต์ WHAIR เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ รอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เท่ากับ 0.64 บาทต่อหน่วย[1] หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงถึง 8.67%[2]
@mitihoonwealth