ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL โดยแหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2561 คาดว่าจะมีโอกาสกลับมาพลิกเป็นกำไร จากที่ขาดทุนสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2561 ที่ 46 ล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TPIPL ที่ถือหุ้นอยู่ 70% คาดว่าจะมีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นมากในช่วงไตรมาส2นี้หนุนกำไรของTPIPL
ขณะที่ภาพปี 2561 คาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศจะอยู่ในระดับ 35 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 32 ล้านตัน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานเริ่มทยอยก่อสร้างมากขึ้น ส่วนกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัทอยู่ที่ 13.5 ล้านตันปูนซีเมนต์ต่อปี จากปีก่อน 9 ล้านตันปูนซีเมนต์ต่อปี ส่วนยอดขายปูนซีเมนต์เม็ดคาดว่าอยู่ในระดับ 3 ล้านตัน ขณะที่ทิศทางราคาปูนซีเมนต์เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยที่ระดับ 2,000 บาทต่อตัน
ขณะธุรกิจเม็ดพลาสติกยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกในปัจจุบันมีกำลังการผลิต 90% หรือ 1.58 แสนตันโดยยังไม่มีแผนเพิ่มปริมาณการผลิต พร้อมกันนี้ TPIPL ยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมารองรับความต้องการตลาดอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ย สารปรับสภาพดิน กลุ่มสารชีวภาพ กลุ่มไฟเบอร์ซีเมนต์ กระเบื้องคอนกรีตช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินหุ้น TPIPL ว่า แนวโน้มภาพรวมปี 2561 กำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 1,544 ล้านบาทจากปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 1,260 ล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ TPIPP ที่มีการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 90 เมกะวัตต์ที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมาคาดจะช่วยเพิ่มกำไรประมาณ 2-2.5 พันล้านบาทต่อปี จะช่วยหนุนผลประกอบการของ TPIPL ในไตรมาส 2 พลิกกลับมามีกำไรได้ และ คาดจะส่งผลบวกมากขึ้นในครึ่งปีหลัง จากการผลิตที่เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และ ได้แรงบวกเพิ่มจากโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 150 เมกะวัตต์ ในครึ่งปีหลัง ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้างจะได้แรงหนุนจากการก่อสร้างโครงการของรัฐบาลมากขึ้นครึ่งปีหลัง ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3 บาท