PCC ผงาด “FTSE SET Shariah Index” ตอกย้ำปัจจัยพื้นฐานแกร่ง จับตาปี 66 โตกระฉูด! บุ๊ครายได้โรงงานกัมพูชา

98

มิติหุ้น – นายกิตติ สัมฤทธิ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยว่า  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ได้ประกาศผลการคัดเลือกหลักทรัพย์ในดัชนี FTSE SET Index Series สำหรับรอบทบทวนเดือนธันวาคม 2565 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2565  เป็นต้นไป ซึ่ง PCC เป็นบริษัทที่ได้รับคัดเลือกและจัดอยู่ในกลุ่ม ดัชนี FTSE SET Shariah Index ซึ่งมีจำนวน 18 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมในครั้งนี้”เรารู้สึกดีใจที่ PCC ได้มีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี FTSE ซึ่งจะทำให้หุ้น PCC เป็นยอมรับและสร้างความมั่นใจสำหรับการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นว่าหลักเกณฑ์การคัดเลือก จากเกณฑ์โครงสร้างทางการเงินนั้นค่อนข้างที่จะเข้มงวด ยิ่งเป็นการตอกย้ำและสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งเกร่ง ภาระหนี้ต่ำ”  นายกิตติ กล่าว

ทั้งนี้ การทบทวนหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณดัชนีชุด FTSE SET Index Series จัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่มี การกำหนดไว้เป็นการล่วงหน้า โดยมีกำหนดทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายน 2566

อนึ่ง ดัชนี FTSE SET Shariah Index คัดเลือกหลักทรัพย์จากดัชนี FTSE SET All-Share และผ่านการคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลาม ดัชนีนี้พัฒนาขึ้นเพื่อผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่ประสงค์จะลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม ดัชนีนี้ สามารถนำไปใช้อ้างอิงในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ เช่น กองทุนรวม กองทุน ETFs และตราสารที่ใช้ดัชนีอ้างอิง (Index-linked products) ซึ่งเกณฑ์การคำนวน และคัดเลือกหลักทรัพย์จาก FTSE SET All-Share Index โดยจะคัดเลือกหลักทรัพย์ตามหลักศาสนาอิสลาม ดังนี้ คือ เกณฑ์การดำเนินธุรกิจ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจดังต่อไปนี้จะถูกคัดออกจากการคำนวณ ได้แก่ 1. ธนาคาร สถาบันการเงินหรือประกันภัยที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจตาม  หลักศาสนาอิสลาม 2. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ 3.ธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับสุกร 4.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบันเทิง ประกอบด้วย คาสิโน การพนัน  โรงภาพยนตร์ ดนตรี สื่อลามก และโรงแรม 5. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยาสูบ 6.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหรือจำหน่ายอาวุธ

และเกณฑ์โครงสร้างทางการเงิน  ดังนี้ 1. ส่วนของหนี้ต้องน้อยกว่า 33% ของสินทรัพย์รวม 2. ส่วนของเงินสดและดอกเบี้ย ต้องน้อยกว่า 33% ของสินทรัพย์รวม 3. สัดส่วนของบัญชีลูกหนี้และเงินสด ต้องน้อยกว่า 50% ของสินทรัพย์รวม 4.ดอกเบี้ยรวม และรายได้อื่นๆที่ไม่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม  ไม่ควรเกินกว่า 5% ของรายได้รวม

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PCC กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,639 ล้านบาท โดย 9 เดือนมีรายได้เติบโตแล้วประมาณ  32% ส่วนความคืบหน้าโรงงานผลิตหม้อแปลง และตู้ควบคุมไฟฟ้า ในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในต้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถเริ่มรับรู้รายได้จากประเทศกัมพูชาเข้ามาตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ปีละ 100 ล้านบาท สนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp