NYT ควบรวมบริษัทย่อย”SRT”กับ”GCT”เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้น

777

NYT แจ้งที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้บริษัท แซพไฟร์ โรโร (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ SRT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยควบกับบริษัท โกลบอล คาร์โก้ (ประเทศไทย) จำกัด (GCT) เพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้น

โดยปัจจุบัน SRTถือหุ้นในบริษัท แหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล โร-โร เทอร์มินัล จ ากัด (“LRT”) ร้อยละ 20 ของจำ นวนหุ้นที่ จำหน่ายได้ทั้งหมดของ LRTและ GCT ถือหุ้นใน LRT ในสัดส่วนร้อยละ 80 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของ LRT

ทั้งนี้ GCT เป็น บริษัทที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยกลุ่ม Nippon Yusen Kabushiki Kaisha ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มี N.Y.K. (Thailand) Company Limited ผู้ถือ หุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ เป็นสมาชิกอยู่ในกลุ่มบริษัทดังกล่าว (ณ วันที่ 2 มีนาคม 2561ซึ่งเป็นวันที่บริษัทฯ กำหนด Record Date ล่าสุดสำหรับการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 N.Y.K. (Thailand) Company Limited ถือหุ้นร้อยละ 18.34 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ)

 

ภายหลังจากการควบบริษัทของ SRT และ GCT บริษัทฯ จะถือหุ้นในบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัท (“บริษัทใหม่”) ใน สัดส่วนร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทใหม่ ซึ่งเป็นสัดส่วนการถือหุ้นเดิมที่ SRT ถือหุ้นใน LRT และ กลุ่ม Nippon Yusen Kabushiki Kaisha จะถือหุ้นในบริษัทใหม่ในสัดส่วนร้ อยละ 80 ซึ่งเป็นสัดส่วนเดิมที่ถือหุ้นใน LRT ก่อนการควบบริษัท ทั้งนี้ การควบบริษัทดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจควบคุม หรือการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นใดๆ ใน LRT รวมถึงไม่ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของจำนวนเงินลงทุนที่บริษัทฯ ถือในบริษัทอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

กล่าวคือ บริษัทฯ อาจมีเงินลงทุนในบริษัท ใหม่ในจำนวนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเงินลงทุนที่บริษัทมีอยู่ใน SRT ก่อนการควบบริษัท แต่การเปลี่ยนแปลงของจำนวนเงินลงทุนดังกล่าว ไม่ส่งกระทบต่ออำนาจควบคุม หรือการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นใดๆ ใน LRT นอกจากนี้ โดยผลของการควบบริษัท บริษัทใหม่จะได้ไปทั้งสิทธิและความรับผิดที่มีอยู่เดิมของ SRT และ GCT ซึ่งรวมถึงหุ้นของ LRT ด้วยโดยบริษัทใหม่จะถือหุ้นของ LRT ในสัดส่วนร้อยละ 100 ส่วนสิทธิและความรับผิดอื่นนั้น เนื่องจาก SRT และ GCT ต่างประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นและไม่มีการประกอบ ธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นของตนเอง (holding company) ดังนั้น ณ วันที่จะมีการควบบริษัท SRT และ GCT จึงมีทรัพย์สินเพียงแค่เงิน สด และหุ้นของ LRT โดยไม่มีหนี้สินหรือความรับผิดที่มีนัยสำคัญ