มิติหุ้น- ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GULF หรือ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ปิดตลาดภาคเช้าที่ราคาสูงสุดที่ 71.50 บาท บวก 1.25 บาท หรือ +1.78 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 243.47 ล้านบาท
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)หยวนต้า(ประเทศไทย)ระบุว่า GULF ปรับตัวขึ้นเด่นสวนทางดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้า หลังจาก FTSE ประกาศนำหุ้น GULF เข้าคำนวณในดัชนี FTSE Mid Cap รอบ มิ.ย. โดยจะมีการปรับน้ำหนัก ณ ราคาปิดวันที่ 15 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังแนะนำคงเลือก GULF เป็น Top Pick จากโอกาสขยายโรงไฟฟ้าไปต่างประเทศ และผลประกอบการเติบโตดีจากการรับรู้โครงการใหม่ต่อเนื่อง และให้น้ำหนักการลงทุน“เท่ากับตลาด” ด้วยด้วยเหตุดังนี้
1) ภาพรวมกำไรในไตรมาส1/2561ของกลุ่มโรงไฟฟ้าเติบโตดีเมื่อเทียบกับทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อนและ จากไตรมาส4/2560 ตามการทยอยเริ่มขายไฟในเชิงพาณิชย์ (COD) และการแข็งค่าของค่าเงินบาททำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้น ขณะที่เงินบาทเริ่มอ่อนค่าจะกดดันต่อกำไรสุทธิของกลุ่มตั้งแต่ไตรมาส2/2561โดยที่ผลประกอบการหลักยังเติบโตดีเมื่อเทียบกับไตรมาส4/2561 จากการ COD ในไตรมาส1/2561 แต่จากที่ราคาก๊าซมีแนวโน้มปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน มีโอกาสทางการจะขึ้นค่า Ft ช่วงปลายปีนี้ เป็นบวกต่อโรงไฟฟ้า SPP และพลังงานทดแทนที่มี Adder แม้จะมีความเสี่ยงจากการประมูลที่ล่าช้า
บล.กสิกรไทย ระบุว่า หุ้น GULF หลังจากที่ราคายกตัวขึนทำจุดสูงบริเวณ 73 ก็ได้แกว่งตัวสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมเหนือกลุ่มค่าเฉลี่ยที่เรียงตัวในเชิงบวก ในขณะที่ Vol เริ่มเพิ่มขึ้นมา ด้าน %K ของ Slow Stoch เริ่มยกตัวขึ้นเหนือ %D ซึ่งคาดว่า มีสิทธิที่ราคาจะยกตัวขึ้นข้ามผ่านขอบบนของสามเหลี่ยม เพื่อสร้างสัญญาณเชิงบวก แนะซื้อเก็งกำไร โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่บริเวณ 74.5 และ 77 ขณะที่ใช้การถอยตัวหลุด 69.5 เป็น stop loss
อย่างไรก็ตามด้านนายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากปัจจัยหนุนโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้ 4 โครงการ ส่งผลให้สิ้นปี 2561 มีกำลังผลิตที่ COD แล้ว 2,280 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้นของ GULF แต่หากรวมกำลังการผลิตทั้งหมดอยู่ที่ 5,529 เมกะวัตต์ ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่เหลืออีก 4 โครงการ จะ COD ในปี 2562
www.mitihoon.com