อันดับที่ 1 BCPG ตั้งงบลงทุนปีนี้ 1 หมื่นลบ. เล็ง M&A โรงไฟฟ้าลม-โซลาร์เซล เพิ่ม 200 MW ทั้งในและตปท.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บีซีพีจี หรือ BCPG โดย นางสาวณินทิรา อภิสิงห์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้-กำไรช่วง 5 ปี (2561-2565) โตเฉลี่ยปีละ 10% จากรับรู้รายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่ม ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/61 คาดเติบโตดีกว่าไตรมาสมาสแรก หลังสภาพภูมิอากาศมีแดดมากกว่า ทำให้มีกำลังการผลิตฟ้าที่ดีขึ้น ส่วนการลงทุนพลังงานทดแทนในนิคมอุตสาหกรรม Smart Park เบื้องต้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด บริษัทเป็นพันธมิตรร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา โดยรูปแบบการลงทุนอาจเป็นทั้งโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ แบตเตอรี่ หรือพลังงานรูปแบบอื่น ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาโครงการในเบื้องต้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในครึ่งปีหลัง
อันดับที่ 2 BEAUTY สยบทุกกระแสลบ ยันพื้นฐานแกร่ง ยอดขายโตทุกช่องทาง กูรูประสานเสียง “ซื้อ” เป้าหมาย 24.60-26 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น”รายงานว่า บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ หรือ BEAUTY โดย นาย สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทขอปฏิเสธกระแสข่าวลือ ทุกข้อครหาว่ามิเป็นความจริงแต่อย่างใด อาธิ สินค้าไม่ผ่าน อ.ย. จึงทำให้Supplier ไม่สามารถผลิตสินค้าให้ทางบริษัทได้ ซึ่งทางบริษัทนั้นยืนยันว่า สินค้าของBEAUTY ทุกผลิตภัณฑ์ใช้โรงงานผลิตมาตรฐานโลก ที่แม้แต่สินค้าเคาน์เตอร์แบรนด์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายยี่ห้อที่จ้างผลิต รับรองความปลอดภัย และ ผู้บริหารจะทำการขายหุ้น Big lot ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งยังคงยืนยันว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต่อไป และจะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งทุกปี และกระแสข่าวลบอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่าเป็นเพียงกระแสข่าวลือเท่านั้น ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า จากราคาหุ้นBEAUTY ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยมองว่าค่อนข้างย้อนแย้งต่อการเติบโตของธุรกิจ โดยประเมินว่ากำไรสุทธิของ BEAUTY ปีนี้จะเติบโตได้ ไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,229.32 ล้านบาท และเชื่อว่าปี 2562 กำไรสุทธิจะเติบโตได้ อีก 30% เช่นเดียวกันตามการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง แนะนำ ทยอยซื้อ โดยมีราคาเป้าหมาย 26 บาท
อันดับที่ 3 LALIN เดินหน้าปีนี้ เปิด 8-10 โครงการใหม่ ดันยอกรับรู้รายได้โตตามเป้า 15% แตะ 4,000 ลบ. โชว์ D/E ต่ำแค่ 0.82 เท่า ยังขยายธุรกิจได้อีกบาน
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ หรือ LALIN โดยนายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า ปีนี้ บริษัทฯ ยังคงแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเปิดขายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าโดยประมาณ 4,500-5,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ เพราะในช่วงช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท โดยมียอดขายใหม่ที่รอรับรู้รายได้กว่า 1,500 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2 มีแผนจะเปิดอีก 1 – 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท สำหรับเป้าหมายการรับรู้รายได้ในปี 2561 มั่นใจจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้โดยเติบโต 15% หรือแตะ 4,000 ล้านบาท
อันดับที่ 4 GULF ราคาหุ้นสตรองสวนตลาด รับรู้โครงการใหม่-ลุ้นปรับค่าFT
มิติหุ้น- ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GULF หรือ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ปิดตลาดภาคเช้าที่ราคาสูงสุดที่ 71.50 บาท บวก 1.25 บาท หรือ +1.78 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 243.47 ล้านบาท ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)หยวนต้า(ประเทศไทย)ระบุว่า GULF ปรับตัวขึ้นเด่นสวนทางดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้า หลังจาก FTSE ประกาศนำหุ้น GULF เข้าคำนวณในดัชนี FTSE Mid Cap รอบ มิ.ย. โดยจะมีการปรับน้ำหนัก ณ ราคาปิดวันที่ 15 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังแนะนำคงเลือก GULF เป็น Top Pick จากโอกาสขยายโรงไฟฟ้าไปต่างประเทศ และผลประกอบการเติบโตดีจากการรับรู้โครงการใหม่ต่อเนื่อง และให้น้ำหนักการลงทุน“เท่ากับตลาด” ด้วยด้วยเหตุดังนี้ 1) ภาพรวมกำไรในไตรมาส1/2561ของกลุ่มโรงไฟฟ้าเติบโตดีเมื่อเทียบกับทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อนและ จากไตรมาส4/2560 ตามการทยอยเริ่มขายไฟในเชิงพาณิชย์ (COD) และการแข็งค่าของค่าเงินบาททำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้น ขณะที่เงินบาทเริ่มอ่อนค่าจะกดดันต่อกำไรสุทธิของกลุ่มตั้งแต่ไตรมาส2/2561โดยที่ผลประกอบการหลักยังเติบโตดีเมื่อเทียบกับไตรมาส4/2561 จากการ COD ในไตรมาส1/2561 แต่จากที่ราคาก๊าซมีแนวโน้มปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน มีโอกาสทางการจะขึ้นค่า Ft ช่วงปลายปีนี้ เป็นบวกต่อโรงไฟฟ้า SPP และพลังงานทดแทนที่มี Adder แม้จะมีความเสี่ยงจากการประมูลที่ล่าช้า
อันดับที่ 5 SAWAD เขียวพรึ่บ! ราคาดีดกลับแล้วกว่า 15% โบรกฯ เชียร์ซื้อ เป้า 59 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้น บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SAWAD การซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางภาวะการลงทุนในตลาดที่อยู่ในแดนลบ โดยล่าสุด (15.00น.) ราคาอยู่ที่ 38.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.00% โดยหากคำนวณราคาหลังจากร่วงลงแรงตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ปรับตัวลงต่ำสุดที่ 33.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 15.03% นักวิเคราะห์ บล.เออีซี ประเมิน SAWAD เริ่มมีทิศทางการฟื้นตัวของลูกหนี้และ NIM ที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และการยืนยันจากผู้บริหารว่าเริ่มได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้รายดังกล่าวแล้ว ทำให้มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในจุดที่น่าสนใจมี Upside 59.5% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2561ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 59 บาท