จากการที่บริษัทจดทะเบียนที่ประกาศผลประกอบงวดไตรมาส4/65 การออกมา 664 บริษัท ทำกำไรสุทธิราว 234,216 ลบ. ลดลง -40% YoY และลดลง -30% QoQ ส่งผลให้หลายสำนักวิเคราะห์ เริ่มปรับประมาณการกำไร บจ.ปี 66
ASPS ปรับกำไรปี 66 ลงเหลือ 1.12 ล้านล้านบาท
โดยล่าสุด ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงจาก 1.27 ล้านล้านบาท เป็น 1.12 ล้านล้านบาท และ EPS66F ลดลงจาก 99.2 บาท/หุ้น เหลือ 91.8 บาท/หุ้น เมื่อคูณกับ P/E 17.54 เท่า (ที่คำนวณจาก MEYG 4.2% ภายใต้ดอกเบี้ยนโยบาย 1.5%) ได้ดัชนีเป้าหมายอยู่ที่ 1,610 จุด
ภายหลังตลาดหุ้นไทยรายงานงบ 4Q65 ออกมา 538 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน Market Cap.92% ลดลง 35%QoQ และ 45%YoY และเป็นการลดลงแรงจาก 13 Sector โดยเฉพาะ Sector ที่ขาดทุน คือ PETRO, STEEL, ICT, CONS อีกทั้งกำไรยังต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดถึง -40% นำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงต่อเนื่องในช่วงเดือนนี้
หุ้นไทยเดือน มี.ค.ยังคงเผชิญกับ 3 กับดัก
ดังนั้นส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทยเดือน มี.ค.ยังคงเผชิญกับ 3 กับดัก คือ 1).เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ากว่าที่คาด โดย GDP Growth งวด 4Q65 ของไทยขยายตัวเพียง +1.4%YoY ซึ่งเติบโตค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ฟิลิปปินส์ +7.6%YoY, อินโดนีเซีย+ 5.3%YoYและ GDP ไทยยังหดตัว -1.5%QoQ ส่งผลให้มูลค่า GDP ไทยพลิกกลับมาต่ำกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19 ซึ่งหากติดลบอีก 1ไตรมาสจะเข้าสู่ภาวะ Technical Recession ส่วน กับดักที่ 2. คือกำไรบจ. 4Q65 ต่ำกว่าคาดดังที่กล่าวข้างต้น และกับดักที่ 3.การปรับลดประมาณการณ์กำไร บจ.ปี66ลงดังที่กล่าวข้างต้นเช่นกัน
ต่างชาติขายทิ้งหุ้นไทยสูงสุดในภูมิภาคนี้
ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ถือเป็นเชื้อไฟทำให้ต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยหนัก ในเดือน ก.พ. 66 ถึง 1.2 พันล้านเหรียญ หรือ 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาค และยังเป็นเดือนที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย.63 หรือช่วงเกิด COVID-19 แรกๆ อย่างไรก็ตามในเดือน มี.ค. 66 เชื่อว่า Fund Flow มีโอกาสชะลอการไหลออก หากมีประเด็นบวกเข้ามาเสริม เช่น ความมีเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ,กนง. ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย หรือเลื่อนกำหนดเวลาขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 29 มี.ค. 66 ออกไป รวมถึง Downside ของ SET Index ตามประมาณการใหม่มีจำกัด
แนะกลยุทธ์ลงทุนเดือนมี.ค.
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือน มี.ค. ภายใต้ Valuation ตลาดหุ้นไทยที่เริ่มตึงมากขึ้น รวมถึง Fund Flow ชะลอการไหลเข้า การเลือกหุ้นลงทุนจำเป็นจะต้องพิถีพิถันมากขึ้น แนะนำสะสมหุ้นกำไรงวด 4Q65 ผ่านจุดเลวร้าย (Bottom Out) และฟื้นตัวต่อในช่วง 1Q66 อย่าง IVL, BGRIM, BLA, JMT รวมถึงหุ้นอิงการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศที่มีกำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง CRC, CBG, AP
AP ราคาเป้าหมาย15.50บ. Upside 26.01% คาดกำไร 1Q66 คาดเติบโต QoQ เงินปันผลปี 65 จูงใจที่ระดับ 5.2%
BGRIM ราคาเป้าหมาย 48 บ. Upside 25.49% รับกระแสเชิงบวกจากการเข้าร่วมประมูลพลังงานสะอาดในไทย คาดกําไรปกติช่วงสั้นเติบโต ฟื้นตัว QoQ ชัดเจน
BLA ราคาเป้าหมาย 42 บ. Upside 33.33% บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันกับปีแรกเติบโต 17% และจัดเป็นหุ้นที่ Valuation ไม่แพง แนะลงทุนระยะกลางถึงยาว
CBG ราคาเป้าหมาย 111 บ. Upside 9.36% ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q65 ส่วนปี 66 เวียดนามได้ประโยชน์จากตัวแทนจําหน่ายรายใหม่ และจีนปลดล็อคประเทศ หนุนการจับจ่ายสินค้า
CRC ราคาเป้าหมาย 55 บ. Upside 22.22% กําไรดีต่อเนื่อง และยังมี Upside จากธุรกิจใหม่เตรียมเปิดตัว 2H66
IVL ราคาเป้าหมาย 52 บ. Upside 42.47% ตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรจากผลิตภัณฑ์ และกลุ่มทวีปที่มี Margin สูง
JMT ราคาเป้าหมาย 65 บ. Upside 41.30% คาดกำไรโตกว่า 23% YoY ปี 66
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon