มิติหุ้น – บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI ยักษ์ใหญ่ที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้าง ตั้งเป้าปี 66 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% มองภาพรวมอุตสาหกรรมงานก่อสร้างและอสังหาฯ เติบโต จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ และงานโครงการขนาดใหญ่ โดย STI พร้อมเดินหน้าประมูลงาน ด้วยวิสัยทัศน์ โตแบบยั่งยืน มุ่งเน้นนำนวัตกรรมเข้ามาขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำในกลุ่มธุรกิจการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง เปิดทิศทางธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ เห็นโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ
โดยภาพรวมอุตสาหกรรมงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก อาทิ รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ (Megaprojects) ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ EEC รวมทั้งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ
ส่วนภาคเอกชน โครงการ Mixed-Use โครงการที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล โรงแรม และโรงงานอุตสาหกรรม ต่างเร่งแผนงานก่อสร้างเพื่อเตรียมรับเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศที่ฟื้นตัว อาคารที่เป็นตึกแนวสูง อาทิ คอนโดมิเนียม มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงการเริ่มกลับเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติ ที่จะช่วยผลักดันให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาเติบโตมากขึ้น ทำให้หลายๆ โครงการกลับมาลงทุนเดินหน้างานก่อสร้างเพื่อรองรับการเติบโตในครั้งนี้ ส่งผลให้ STI มีโอกาสเข้าไปร่วมประมูลงานโครงการใหม่ๆ และสนับสนุนพอร์ตให้แข็งแกร่งขึ้นและในปีนี้ สิ่งที่ STI จะให้ความสำคัญ คือการมุ่งเน้นนำนวัตกรรมเข้ามาขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตแบบยั่งยืน ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยปัจจุบันงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 2-3 ปี โดยแบ่งเป็นงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 105 โครงการ และงานอื่นๆ อีก 63 โครงการ มีไฮไลท์โปรเจกต์ ได้แก่ โครงการ วัน แบงค็อก, โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวา ๒๕๕๐โซนซี, โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ , โครงการศูนย์การเรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ , โรงแรมบางกอกสาธร , โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ, โครงการก่อสร้างทางรถไฟ ทางคู่ บ้านไผ่ มุกดาหาร นครพนม, โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการ 1,736.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 1,732.8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง 1,416.2 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมและธุรกิจอื่น 320.6 ล้านบาท ด้านกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 538.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.2% จากต้นทุนการให้บริการที่ลดลง สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 145.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 144.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิงวดวันที่ 1 มกราคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565 คิดเป็นจำนวนเงิน 102,509,503 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 73% ของกำไรสุทธิประจำปี 2565 (งบการเงินรวม) หรือคิดเป็น 87% ของกำไรสุทธิประจำปี 2565 (งบการเงินเฉพาะกิจการ) กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ การให้สิทธิในการรับเงินปันผลยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีในวันที่ 26 เมษายน 2566
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon