มิติหุ้น- BTS ตั้งเป้ารายได้จากการให้บริหารเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงในปีงบ61/62 เติบโต30% คาดจำนวนผู้โดยสารปีนี้เติบโต4-5% คาดรายได้รวมโต3.7 – 4 หมื่นล้านบาทหลังเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีเขียวใต้ ค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าชมพู-เหลือง เผย ปตท.เสนอจับมือร่วมประมูลรถไฟความเร็วสูงฯ คาดสรุปพันธมิตรก่อน พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ หรือ BTS โดยนายสุรยุทธ์ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยใหญ่สายการเงิน กล่าวว่า ตั้งเป้ารายได้จากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงในปีงบ2561/2562 (เม.ย.61-มี.ค.62) เพิ่มขึ้น30% ยอดผู้โดยสาร4-5% และมีอัตราค่าโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.5-2% ขณะที่ภาพรวมรายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 37,350-40,000 ล้านบาท เนื่องจากเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเพิ่มขึ้น ซึ่งปลายปีนี้เตรียมเปิดเดินรถไฟฟ้าสีเขียวใต้ ช่วงสำโรง-สมุทรปราการอีก1สถานีในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงรายได้จากค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง และได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจโฆษณาที่ได้มีการให้บริการสื่อโฆษณาได้อย่างครบวงจรม ร่วมถึงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ขยายการลงทุนตามแนวรถไฟฟ้า
ขณะที่เป้าหมายในระยะเวลา 5 ปี(59/60-64/65) BTS คาดว่าจะมีรายได้ และกำไรเติบปีละ29% เนื่องจากมีการเปิดบริการรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยสายสีเขียวใต้ที่จะเปิดให้บริการไปถึงสมุทรปราการ และสายสีเขียวเหนือ ช่วง หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่จะเปิดให้บริการปลายปี2563 รวมถึงรายได้จากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง ประกอบกับเติบโตจากการขยายการลงทุนในธุรกิจสื่อโฆษณาและอสังหาริมทรัพย์
ส่วนการให้บริการรถไฟฟ้าช่วงเดือนเมษายน 2561 มีจำนวนผู้โดยสารที่ระดับ 17.4 ล้านเที่ยวคน อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยที่29.4 บาทต่อเที่ยว หากมองภาพรวมไตรมาส1/61-62 (เม.ย-มิ.ย.61) คาดว่าผู้โดยสารจะเติบโตสูงสุดของปี หลังจากเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและเป็นช่วงเปิดเทมอของนักเรียน
นายสุรยุทธ์ กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) ว่า นอกจาก RATCH และ STEC แล้วมีหลายบริษัทที่ได้เข้ามาเจรจากับ BTS เพื่อร่วมลงทุนรวมทั้ง บมจ.ปตท. หรือ PTT คาดว่าจะสรุปพันธมิตรได้ก่อนยื่นซองประมูลในเดือนพฤศจิกายน 2561 ส่วนการลงทุนส่วนต่อขยายสายสีชมพูเข้าเมืองทองธานี คาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนภายในปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าใช้เงินลงทุนราว 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีศักยภาพเพียงพอต่อการลงทุนในอนาคตเนื่องจากมีเงินสดในมือและสินทรัพย์สภาพคล่องราว30,000 ล้านบาท รวมถึงมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.37 เท่ายังมีศักยภาพในการกู้เงินสูง
