THRE รับกำไรขายหุ้น BVG 192 ล. อัพเป้ารายได้ใหม่ปี 66 โต 15-17%

132

มิติหุ้น – นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) (THREผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurerครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังจากการนำบริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG  บริษัทย่อยของ THRE เข้าตลาด mai แล้ว ทำให้ THRE มีกำไรจากการขายหุ้นสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายจากการขายหุ้นจำนวน 192 ล้านบาท 

ทั้งนี้เชื่อว่าต่อจากนี้ BVG จะเป็นส่วนเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจภายใต้เครือ THRE เนื่องด้วย BVG เป็นหนึ่งในผู้นำด้านบริการเคลมของธุรกิจประกันภัยรถยนต์และสุขภาพ มีลูกค้าและเครือข่ายคู่ค้าประกันภัยที่มั่นคง มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 40% โดย BVG มีแผนนำเทคโนโลยี AI มาพลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันเข้าสู่อินชัวร์เทคอย่างเต็มรูปแบบ และวางแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนสู่ความยั่งยืนต่อไป

ขณะที่ทิศทางตลาดประกันภัยต่อหลังโควิดบริษัทปรับขึ้นราคาเบี้ยไม่ต่ำกว่า 25-30% ตามตลาดต่างประเทศ ทำให้ปีนี้ต้นทุนบริษัทประกันภัยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้การปรับราคาเบี้ยเป็นประโยชน์ต่อผู้รับประกันภัยต่อ และไม่กระทบลูกค้ารายย่อย

ทั้งนี้ บริษัทปรับเป้าหมายเติบโตเบี้ยประกันภัยต่อรับปี 66 ขึ้นเป็นเติบโต 15-17% จากเดิมตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 65 ที่มีเบี้ยราว 4,200 ล้านบาท จากแนวโน้มค่าเบี้ยประกันภัยต่อสูงขึ้น ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากเงินลงทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงจากเงินปันผลของการลงทุน อีกทั้งมีรายได้จากการให้บริการของกลุ่มบริษัทย่อยที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมีรายได้ใหม่จากธุรกิจ AI โดยคาดว่าจะสามารถเติบโตสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่องขณะที่สัดส่วนรายได้จากเบี้ยประกันต่อรับของบริษัท แบ่งเป็น อุบัติเหตุและสุขภาพ 42% กลุ่มรถยนต์ 28% อสังหาริมทรัพย์ 17% ขนส่งสินค้าต่างประเทศ 2% และประกันภัยประเภทอื่น 11%     

โดยกลยุทธ์การตลาดในปี 66 บริษัทมุ่งเน้น Conventional Reinsurance มากขึ้น จากภาวะตลาด Hard market ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ THRE เติบโตในการทำกำไรได้ดีขึ้น โดยสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อรับประเภท Conventional Reinsurance มีมากกว่า 55% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 45% ในปี 2564

นอกจากนี้บริษัทวางแผนเชิงรุกเข้าไปขยายงานรับประกันภัยต่อที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบอาเซียน CLMV ทั้งกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ อีกทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ THRE มองว่ามีศักยภาพที่สามารถขยายธุรกิจได้ในอนาคต

“บริษัทมีกำไรจากการขายหุ้น  BVG สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายจากการขายหุ้นเป็นจำนวน 192 ล้านบาท    ซึ่งแสดงเฉพาะในงบการเงินเฉพาะกิจการ ในส่วนของงบการเงินรวมได้ถูกนำไปแสดงในส่วนของผู้ถือหุ้น      ส่งผลให้งบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวมต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยไตรมาส 1/66 งบการเงินเฉพาะกิจการ กำไรสุทธิอยู่ที่ 148 ล้านบาท และงบการเงินรวม กำไรสุทธิอยู่ที่ 11 ล้านบาท” นายโอฬารกล่าว

ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีเบี้ยประกันภัยต่อรับ 1,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเบี้ยประกันภัยต่อรับ 1,024 ล้านบาท และพลิกมามีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท คิดเป็นเติบโต 106% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 184 ล้านบาท  

ส่วนแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/66 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/66 เนื่องจากบริษัทตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญไว้เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ยังเติบโตได้ดี ตามการเติบโตของธุรกิจ Non-Conventional หรืองานบริการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับพันธมิตร ทั้งธุรกิจเทรนนิ่ง และบริการใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligent)

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon