ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลัง FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และเบรนท์ทรงตัว โดยภายหลังการประชุมวิชาการที่ Jackson Hole ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ส.ค.) นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แสดงความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ส่งผลให้มีความจำเป็นที่จะต้องคงนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นจะทำด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.5%-5.75%
+ พายุโซนร้อน Idalia กำลังทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นเฮอริเคนลูกใหญ่ขณะที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวฟลอริดา ส่งผลให้มีการประกาศเตรียมอพยพชาวเมืองในวันพุธที่ 30 ส.ค. นี้ จากการพัดถล่มของพายุดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าภายในพื้นที่ รวมทั้งกำลังผลิตน้ำมันดิบที่บริเวณตะวันออกของอ่าวสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
+ อุปทานน้ำมันดิบในตลาดยังคงมีแนวโน้มตึงตัว หลังการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ นำโดยซาอุดิอาระเบีย ซึ่งคาดว่าจะขยายกรอบเวลาในการลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่อไปอีก 1 เดือน จนถึงเดือนต.ค. โดยนักวิเคราะห์มองว่าซาอุดิอาระเบียจะยังคงนโยบายดังกล่าวต่อไปจนกว่าจะเห็นว่าปริมาณสต็อกน้ำมันทั่วโลกจะปรับลดลงกว่าระดับปัจจุบัน
ราคาน้ำมันเบนซิน : ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขการนำเข้าน้ำมันเบนซินจากสิงคโปร์ลดลงกว่า 52% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่มีแนวโน้มลดลง จากแผนการซ่อมบำรุงโรงกลั่นในซาอุดิอาระเบีย
ราคาน้ำมันดีเซล : ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในตลาดตึงตัวหลังการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นในยุโรปและสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ราคาได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนที่มีแนวโน้มสูงกว่าคาด
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon