เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มั่นใจโตต่อเนื่อง โชว์แลนด์แบงก์ 15 แปลง เตรียมลุยโครงการแนวราบและคอนโด กว่า 3.14 หมื่นล้าน

44

มิติหุ้น – บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) เข้าเกียร์ขับเคลื่อนธุรกิจครั้งใหม่ รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวต่อเนื่อง เผย 15 แลนด์แบงก์ศักยภาพรอบกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาพื้นที่สู่โครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมตั้งแต่ระดับ Mid-range ถึงระดับอัลตร้า ลักชูรี โดยแบ่งเป็น แลนด์แบงก์ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการ และวางแผนสำรองแลนด์แบงก์ แปลง เพื่อลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระหว่างปี พ.ศ. 2567 – 2569 มั่นใจสร้างความเคลื่อนไหวในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 31,440 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา ปีต่อเนื่อง

 

คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการมุ่งสู่การเป็น Lifescape Developer ได้ประกาศแผนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบ All Time High ในการรุกตลาดผ่านโครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 14,700 ล้านบาท ปัจจุบัน ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการระดับคุณภาพต่างๆ ตามแผนกลยุทธ์และระยะเวลาที่บริษัทฯ ได้วางแผนไว้ เพื่อผลักดันศักยภาพและรายได้สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้เตรียมยกระดับความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของแบรนด์เพิ่มไปอีกขั้น โดยได้เผยพื้นที่ศักยภาพรอบกรุงเทพฯ ทั้งย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจอย่าง (Center point หรือ New CBD) รวมทั้งส่วนขยายของกรุงเทพฯ (Sub-urban) ที่บริษัทฯ ได้วางแผนเพื่อพัฒนาโครงการทั้งในส่วนของแนวราบและคอนโดมิเนียมมากกว่า 15 พื้นที่ อาทิ ปิ่นเกล้า บรมราชชนนี พัฒนาการ รามคำแหง พร้อมพงษ์ กรุงเทพกรีฑา พญาไท ลาดพร้าว และพหลโยธิน เป็นต้น มูลค่ารวมของโครงการกว่า 31,440 ล้านบาท

 

ปัจจุบัน ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการบนพื้นที่ทั้งสิ้น แปลง แบ่งเป็น กลุ่มแนวราบ โครงการ ได้แก่ โครงการ      เมย์ฟิลด์ เลน (Mayfield Lane) รัชดาลาดพร้าว 26 มูลค่า 400 ล้านบาท โครงการเมย์ฟิลด์ (Mayfield) ปิ่นเกล้า มูลค่า 1,000 ล้านบาท โครงการเมย์ฟิลด์ (Mayfield) รามอินทราคู้บอน มูลค่า 2,300 ล้านบาท โครงการ เท็น แอนด์ โอนลี่ (10 & Only) พัฒนาการ 20 มูลค่า 1,100 ล้านบาท และโครงการมิลฟอร์ด (Milford) รามคำแหง 53 มูลค่า 1,600 ล้านบาท และกลุ่มคอนโดมิเนียม โครงการ ได้แก่ โครงการมาร์คีส์ (Marquis) พญาไท มูลค่า 5,500 ล้านบาท โครงการมิวนิค (Muniq) พร้อมพงษ์ มูลค่า 3,300 ล้านบาท และโครงการมารุ (Maru) จุฬา มูลค่า 1,100 ล้านบาท โดยรวมมูลค่าโครงการที่ดำเนินการพัฒนาก่อสร้างอยู่ที่ 16,300 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีทำเลศักยภาพอื่นๆ ที่น่าจับตามองครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ อีก แปลง ทั้งในส่วนพื้นที่       ใจกลางเมือง แหล่งไลฟ์สไตล์และออฟฟิศ หรือใกล้เส้นทางคมนาคมที่สะดวกต่อการเดินทาง เป็นต้น โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ โครงการ บริเวณพื้นที่บรมราชชนนี กรุงเทพกรีฑา และลาดพร้าว ซอย เป็นต้น และโครงการคอนโดมิเนียม โครงการ บริเวณพื้นที่เจริญเมือง เจริญกรุง และอารีย์พหลโยธิน เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ วางแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพ ทั้งโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม เพื่อตอบรับทุกความต้องการ ทุกเซ็กเมนต์ในทุกระดับราคา การันตีด้วยคุณภาพ และบริการตามมาตรฐานการของเมเจอร์ฯ ในเรื่อง Craft & Quality ที่ผสานความเข้าใจในด้าน Pet Family โดยมีมูลค่าโครงการที่กำลังพัฒนาในอนาคตกว่า 15,140 ล้านบาท 

 

ซึ่งจากแผนการลงทุนและพัฒนาพื้นที่ศักยภาพของบริษัทฯ ทั้ง 15 แลนด์แบงก์รอบกรุงเทพฯ มูลค่ารวมกว่า 31,440 ล้านบาท จะสามารถสร้างความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 – 2569 ตลอดระยะเวลา 3 ปีต่อเนื่องกัน” คุณเพชรลดา กล่าวสรุป

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon