EPG เชื่อมั่นผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปีบัญชี 66/67 (ต.ค.66 – มี.ค.67) ธุรกิจหลักเติบโตต่อเนื่อง และมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจร่วมทุน เตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 12 สตางค์ 8 ธ.ค.นี้

67

มิติหุ้น  –  รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชี 66/67(ก.ค.-ก.ย.66) บริษัทมียอดขายนิวไฮที่ 3,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32.7% ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 170 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปีบัญชี 66/67 (เม.ย. – ก.ย.66) บริษัทมีรายได้จากการขาย 6,285 ล้านบาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 6,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 32.2% และมีกำไรสุทธิ 744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

            โดยในปีบัญชี 66/67 (เม.ย.66 – มี.ค.67) บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตประมาณ 10% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 31 – 33% โดยในช่วงครึ่งหลังของปีบัญชีนี้จะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ แม้ว่าสถานการณ์โลกในปัจจุบันอยู่ภายใต้ความไม่แน่นอนและเผชิญกับความเสี่ยงในหลายด้าน ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย ปัญหาสงคราม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม EPG เตรียมแผนรองรับกับความไม่แน่นอนต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น

      สำหรับธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ด้วยความพร้อมด้านการผลิตจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา ประกอบกับสภาวะการแข่งขันขณะนี้ไม่รุนแรงนัก ส่งผลให้ฉนวน Aeroflex เป็นที่นิยมมากขึ้น และสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มลูกค้าขายส่ง และ กลุ่มลูกค้าโครงการ ได้แก่ EV / Semiconductor และ อาหาร เป็นต้น โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ได้ออกสินค้าใหม่ Ultralow smoke ซึ่งนำไปใช้ในระบบ Air Ducting system เป็นฉนวนยางผลิตจากวัสดุคุณสมบัติพิเศษก่อให้เกิดควันน้อย ซึ่งเริ่มมีกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า สำหรับตลาดในประเทศได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศและสร้างโรงงานผลิตใหม่ จึงทำให้มีกลุ่มลูกค้าโครงการเพิ่มขึ้น ประกอบกับ Aeroflex มีสินค้านวัตกรรมอื่นๆ ที่ใช้ในระบบวิศวกรรมปรับอากาศ จึงตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุม สำหรับในญี่ปุ่น ฉนวนยาง Aeroflex กลุ่มพรีเมี่ยมยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด

      ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ในไตรมาสที่ 3 ปีบัญชี 66/67 (ต.ค – ธ.ค.66) ยอดขายปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด อีกทั้งสินค้าหลักได้แก่ สินค้าประเภทหลังคาครอบกระบะ (Canopy) บันไดข้างรถกระบะ (Slide Step) มีคำสั่งซื้อจากค่ายยานยนต์อย่างต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย Aeroklas Asia Pacific Group Pty. Ltd. ออสเตรเลีย ได้ซื้อกิจการร้านค้าปลีก TJM ต่อจาก Franchisee รวม 5 แห่ง ในออสเตรเลีย มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 117 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นร้านค้าสาขา TJM (Corporate Store) ทำให้ปัจจุบัน TJM มีร้านค้าสาขารวม 12 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจที่ตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปีบัญชีจะมีร้านค้าสาขา TJM รวมทั้งสิ้น 15 แห่ง โดยจะเร่งให้เกิด synergy ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ในออสเตรเลีย

            ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และการจับจ่ายใช้สอยช่วงปลายปีที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม EPP ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดเน้นเจาะตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคตะวันออก เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ โรงงานผลิตถ้วยกระดาษ EPP ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจรนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council) และ BRC : British Retail Consortium มาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัย สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ใส่อาหาร จึงมั่นใจได้ว่าบรรจุภัณฑ์ถ้วยกระดาษ EPP เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ หรือป่าที่มีการจัดการดูแลอย่างรับผิดชอบ

            สำหรับการลงทุนในธุรกิจร่วมทุนซึ่งตั้งอยู่ในหลายประเทศ ได้แก่ ไทย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ โดยบริษัทลงทุนในกลุ่มธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ นั้น คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีบัญชีนี้จะได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกิจการร่วมค้าในแอฟริกาใต้ยังคงต้องรอความคืบหน้าจากค่ายยานยนต์ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก

รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 66 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด 30 ก.ย. 66 ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท (สิบสองสตางค์) รวมเป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 336 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 พ.ย.66 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ธ.ค.66

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon