จากที่ ครม.มีมติอนุมัติ (21 พ.ย.66) หลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG เป็นกองทุนใหม่ เพื่อลดหย่อนภาษีที่แยกออกจากก้อนลดหย่อนเดิม เพิ่มอีก 1 แสนบาท ไม่เกิน 30% ของรายได้ โดยจะเป็นการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้กลุ่มที่มี ESG ที่ดีตามเกณฑ์ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้กำหนด และจัดเป็นดัชนี TESG นั้น
เกณฑ์ประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings
โดยจะต้องเป็นบริษัทที่อยู่ในผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ประกาศล่าสุด ก่อนรอบการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ในดัชนี ซึ่งจะดำเนินการทุก 6 เดือน นอกจากนี้ยังจะต้องเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ,มีสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว
จำนวนหุ้นซื้อขายไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ของจำนวนหุ้นจดทะเบียนของบริษัท เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 9 ใน 12 เดือน และไม่จำกัดจำนวนหลักทรัพย์ในดัชนี SET ESG
พร้อมกับการพิจารณาตามเกณฑ์การคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight) , จำกัดน้ำหนักของแต่ละหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบในดัชนีไม่เกินร้อยละ 5 ทุกไตรมาส และไม่นำหลักทรัพย์ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ตั้งแต่ 20 วันทำการ มารวมในการคำนวณ
เปิดโผ 18 หุ้นถูกปรับเข้าคำนวณดัชนี SET ESG
ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์เริ่มออกมาคาดการณ์รอบการประเมินดัชนี SET ESG ล่าสุดเพื่อใช้ในงวดครึ่งแรกของปี 67 พบว่า ค่าย บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) หรือ CGS-CIMB คาดจะมีจำนวน 18 บริษัทที่จะถูกเข้าคำนวณ ได้แก่ BA, BRI, BCH, CK, ERW, HENG, III, ILM, JTD, KSL, LH, MC, NYT, RBF, SMPC, STEC, TCAP และ TOG
DELTA หุ้นบิ๊กแคปถูกถอด
นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ถูกถอดออก จำนวน 11 บริษัท ได้แก่ AAV, ASIAN, BKI, DELTA, EASTW, PM, SCCC, TKS, TMT, TPIPP และ TSTH และที่สำคัญหุ้นที่มีเรตติ้ง ESG แข็งแกร่งน่าจะ perform ดีกว่าหุ้นที่มีคะแนน ESG ต่ำกว่าเพราะเชื่อว่าหุ้นเหล่านี้เป็นที่ต้องการของนักลงทุนมากขึ้น ขณะที่ดัชนี SET ESG ยัง outperform ดัชนี SET โดยปีที่แล้ว SET ESG บวก 1.9% เทียบกับ SET บวก 0.7% ขณะที่ YTD SETESG ลบ 15% เทียบกับ SET ลบ 17%
10 หุ้น EPS Growth ปี 67
นอกจากนี้ด้านบทวิจัยของ บล.เอเซีย พลัส ยังทำการเฟ้นหาหุ้นในดัชนี SET ESG ที่มี ESG RATING ดี กำไรปี 67 เติบโตโดดเด่น น่าลงทุนระยะยาว โดยพบว่าผลตอบแทนดัชนี SET ESG ย้อนหลัง 3 ปี +8.71% ดีกว่า SET ที่บวกเพียง +3.53% ซึ่ง พบว่า มี จำนวน 10 หลักทรัพย์ที่เข้าข่ายดังกล่าวคือ PTTGC CPALL CRC IVL PLANB BJC MTC CK STEC และ TIDLOR
1.PTTGC จัดเป็นหุ้น Turn around มีราคาเป้าหมาย 48 บ.
2.CPALL คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 18.6% ราคาเป้าหมาย 77 บ.
3.CRC คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 23.5% ราคาเป้าหมาย 48 บ.
4.IVL คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 616% ราคาเป้าหมาย 34 บ.
5.PLANB คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 14.1% ราคาเป้าหมาย 10.60 บ.
6.BJC คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 19.5% ราคาเป้าหมาย 35 บ.
7.MTC คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 21.2% ราคาเป้าหมาย 42 บ.
8.CK คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 49% ราคาเป้าหมาย 29 บ.
9.STEC คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 20.7% ราคาเป้าหมาย 12 บ.
10.TIDLOR คาด EPS Growth ปี 67 ที่ 20.9% ราคาเป้าหมาย 24.50 บ.
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon