BANPU Q2 พลิกกำไรโตพุ่ง450% โบรกเชียร์ซื้อ-เป้า32บ.

261

มิติหุ้น – BANPU โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” คาดกำไรไตรมาส 2/61 กลับมาโตกว่า 450% เทียบไตรมาส 1 หลังปลดล็อกคดีหงสา ขณะที่ราคาถ่านหินเฉลี่ยระดับสูง แถมได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า เคาะราคาเป้าหมาย 32 บาท  

          ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มธุรกิจ บมจ.บ้านปู หรือ BANPU ผู้ประกอบการธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้า ในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิราว 4,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% เทียบไตรมาส 2/60 ที่มีกำไรสุทธิ 2,259 ล้านบาท แต่หากเทียบไตรมาส 1/61 จะเพิ่มขึ้น 450% เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับปลดล็อคคดีโรงไฟฟ้าหงสา ที่สำคัญ ราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยในระดับสูง และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ หรือ BPP เพิ่มขึ้นตามการขยายการลงทุน โดยประเมินราคาพื้นฐาน 26 บาท พร้อมแนะนำ “ซื้อ”

แนะนำซื้อ -ราคาเป้าหมาย 32 บ.

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า ประเมิน BANPU ว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/61 เป็นจุดต่ำสุดของปี ทั้งนี้ การปลดล็อกคดีหงสา อีกทั้งเงินบาทอ่อนค่าลง ช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าหรือแข็งค่าทุก 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะมีผลต่อกำไร 600-700 ล้านบาท ขณะที่ราคาถ่านหินปัจจุบันเฉลี่ยที่ระดับ 105 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ดังนั้น ช่วงไตรมาส 2/61 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิราว 3,300 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมทั้งปี 61 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 12,200 ล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท

ภาพรวมปี 61 มั่นใจโตแกร่ง

ด้านนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/61 จะกลับมาสู่ภาวะปกติ หลังจากไตรมาส 1/61มีค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษาคดีหงสาจำนวน 2,713 ล้านบาท และผลกระทบจากเงินบาทแข็ง ทำให้รับรู้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 1,041 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง

ส่วนภาพรวมทั้งปี 2561 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 7,900 ล้านบาท เนื่องจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากราคาถ่านหินที่ทรงตัวระดับสูง ปัจจุบันเฉลี่ย 104-107 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และได้รับปัจจัยหนุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ BPP ที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น

www.mitihoon.com