มิติหุ้น – ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า World Semiconductor Trade Statistics (WSTS) คาดการณ์ว่า ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 67 จะเติบโต 13% yoy เนื่องจากชิปหน่วยความจำ เป็นที่ต้องการมากขึ้น และจากการลงทุนใน AI
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย CGSI มองว่า ในขณะที่ชิปเฉพาะทางยังมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง แต่อุปสงค์ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากตลาดปลายทางอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์, ภาคอุตสาหกรรมและตลาดผู้บริโภคจะค่อนข้างอ่อนตัว น่าจะเป็นเพราะการเติบโตของเศรษฐกิจหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและจีนชะลอตัววงกว้าง
เชื่อว่าสถานการณ์ที่อุปสงค์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมสินค้าคงคลังมากขึ้นในช่วงครึ่งแรกปีนี้
ในช่วงปี 64-66 เซมิคอนดักเตอร์สำหรับรถยนต์เติบโตสูงกว่าตลาดปลายทางอื่น เนื่องจากอุปสงค์แข็งแกร่งและอุปทานที่มีจำกัดส่งผลให้เกิดปัญหาชิปขาดแคลน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าผลิตภัณฑ์สำหรับรถยนต์เข้าสู่วงจรขาลงแล้ว เมื่อดูจากความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมของผู้บริหารของผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
นอกจากนี้ รายงานใน Financial Times (18 ม.ค. 67) ระบุว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น Bosch, Continental และ ZF Friedrichshafen เตรียมลดจำนวนพนักงาน เพราะมองว่าใกล้การปรับฐานของสต็อกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ ซึ่งจะทำให้อุปสงค์การผลิตลดลง ขณะเดียวกันคาดว่า เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัว เช่นเดียวกัน
อีกทั้งปัจจัยลบในตลาด EV ของยุโรปหลังสิ้นสุดมาตรการอุดหนุนของรัฐ โดยเฉพาะเยอรมันที่ยกเลิกมาตรการอุดหนุนตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 66 ทำให้สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเยอรมนี(VDA) คาดการณ์เมื่อเดือนม.ค. 67 ว่า ยอดขายรถ EV ในประเทศจะลดลง 14% ในปีนี้ เชื่อว่าการปรับปรุงสินค้าคงคลังน่าจะใช้เวลา 6-9 เดือน ถึงจะกลับมาเป็นปกติ
ฝ่ายวิจัย CGSI คาดว่า กำไรรวมของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 4/66 จะต่ำกว่าที่คาดไว้ราว 6% จากยอดขายที่อ่อนตัว รวมถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และการที่ห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เชื่อมโยงกัน น่าจะทำให้ผล ประกอบการที่อ่อนตัวของผู้เล่นปลายน้ำ ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทย
ทั้งนี้ ประมาณการว่า ในปีนี้ KCE, DELTA, HANA จะมีสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับรถยนต์ ที่ 80%, 36%, 23% ตามลำดับ จึงคาดว่าการปรับฐานของสต็อกรถยนต์จะทำให้กำไรไตรมาส 1/67 ลดลงมากกว่าอัตราปกติตามปัจจัยฤดูกาล
ฝ่ายวิจัย CGSI ยังแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เพราะมองว่าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มอ่อนตัวในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยปัจจัยลบที่จะฉุดราคาหุ้นคือ กำไรที่มีแนวโน้มเติบโตอ่อนตัวในไตรมาส 4/66 และไตรมาส 1/67ส่วน upside risk จะมาจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมากกว่าคาด
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon