มิติหุ้น – ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดตัว “อาเซียน โกรท ฟันด์ ( ASEAN Growth Fund)” มูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 36,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
**คาดเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนจะมีมูลค่าแตะ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2573**
**เผย 87% ของบริษัทไทยวางแผนขยายธุรกิจในอาเซียนมากขึ้น**
Southeast Asia’s digital economy is among the world’s fastest-growing: worth USD218 billion in 2023 and expected to reach USD600 billion by the end of the decade, at a compound annual growth rate of 16%.[1] เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตรวดเร็วที่สุดของโลก โดยมีมูลค่า 2.18 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2566 (7.95 ล้านล้านบาท) และคาดว่าจะขยายตัวแตะ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 21.9 ล้านล้านบาท ภายใน พ.ศ. 2573 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ 16[2] เพื่อช่วยเหลือธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในภูมิภาคให้บรรลุขนาดการเติบโตของบริษัทที่มีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการทำธุรกิจ (Economies of scale) รวมถึงสามารถขยายพอร์ตสินทรัพย์และเติบโตได้อย่างมั่นคงตลอดทุกช่วงของการดำเนินธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซีจึงประกาศจัดตั้งกองทุนสินเชื่อมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (36,500 ล้านบาท) ซึ่งเป็นกองทุนพิเศษที่มุ่งเน้นสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้อย่างจริงจัง
“ธนาคารเอชเอสบีซี มีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเฟื่องฟูและเติบโตอย่างรวดเร็ว” มร. จอร์โจ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย กล่าว “การมีประชากรวัยทำงานที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้น โดยเฉพาะทางช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทำให้ภูมิภาคอาเซียนมีศักยภาพในการเติบโตมหาศาล เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวกองทุน อาเซียน โกรท ฟันด์ ( ASEAN Growth Fund) ซึ่งเป็นกองทุนพิเศษรูปแบบใหม่ของเราเพื่อสนับสนุนกับบริษัทในธุรกิจดิจิทัลในการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงยังภูมิภาคอื่นๆ”
มร. กัมบา กล่าวเพิ่มเติมว่า “กองทุนอาเซียน โกรท ฟันด์ ( ASEAN Growth Fund) ของธนาคารเอชเอสบีซี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบสินเชื่อให้แก่บริษัทที่กำลังขยายธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเราพบว่าธุรกิจจำนวนมากในภูมิภาคนี้มีการดำเนินกิจการที่ครอบคลุมในหลายประเทศ การได้รับสินเชื่อที่มีขอบเขตจำกัดเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งหรือสกุลเงินของประเทศใดประเทศหนึ่งนั้นไม่ตอบโจทย์การขยายธุรกิจข้ามประเทศ เราจึงออกแบบ ASEAN Growth Fund ให้เป็นสินเชื่อที่ครอบคลุมการขยายธุรกิจในทุกประเทศในอาเซียนและมอบสินเชื่อในหลากหลายสกุลเงิน นอกจากนี้ เรายังตระหนักด้วยว่า ผลกำไรอาจไม่สามารถสะท้อนถึงศักยภาพของบริษัทได้ในช่วงเริ่มต้น เราจึงมองถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวในการพิจารณาสินเชื่อของ ASEAN Growth Fund เป็นสำคัญ ด้วยการประเมินบริษัทต่างๆ จากพอร์ตการลงทุนในอดีต ตัวชี้วัดการดำเนินงานที่สำคัญ แผนการเติบโต และกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้า”
นอกจากนั้น ธนาคารเอชเอสบีซียังได้เปิดตัว Venture Debt หรือกิจการกู้ยืมเงินในประเทศสิงคโปร์ ด้วยการจัดสรรเงินทุนกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนบริษัทในระยะเริ่มต้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในสิงคโปร์ โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture capital) และนักลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือกนอกตลาด
มร. กัมบา กล่าวต่อว่า “ธนาคารเอชเอสบีซี มีความภูมิใจในประสบการณ์และความแข็งแกร่งของเราในการสนับสนุนภาคธุรกิจในการเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยาวนานกว่า 135 ปี โดยเราเชื่อว่าการเปิดตัว ASEAN Growth Fund ครั้งนี้ จะช่วยให้เราสามารถสนับสนุนบริษัทในเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียนได้ดียิ่งขึ้นในขณะที่พวกเขาขยายกิจการออกไปในภูมิภาคและเติบโตอย่างมั่นคงในทุกช่วงของการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพหรือบริษัทที่กำลังขยายกิจการ”
การปรับกระบวนการดำเนินงานให้เป็นดิจิทัล
นายกฤษฎา แพทย์เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารเอชเอชบีซี ได้ทำการสำรวจบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน 600 แห่ง และพบว่า “การปรับกระบวนการดำเนินงานให้เป็นดิจิทัล” เป็นวาระสำคัญอันดับหนึ่งของธุรกิจ โดย 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกข้อนี้ รองลงมาคือ “การเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (40%) และ “การวิจัยและพัฒนา” (37%)
ทั้งนี้ เพื่อคว้าโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังเติบโต ส่งผลให้เกือบ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถาม (65%) วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนด้วยการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจ เป็นอันดับที่สอง รองจาก “การขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (66%)
“การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอาเซียนสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจมีความต้องการบริการทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลที่สะดวกรวดเร็วเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่สามารถตอบโจทยภาคธุรกิจ คือ โซลูชั่นด้านบริการการค้าและการชำระเงินที่สะดวกและใช้งานง่าย เพื่อให้พวกเขามีเวลาวางแผนกลยุทธ์และการขยายธุรกิจมากขึ้น” คุณกฤษฎา กล่าวเสริม
ธนาคารเอชเอสบีซี เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านภาคธนาคารสู่ระบบดิจิทัลในอาเซียน โดยนำเสนอบริการธุรกรรมดิจิทัลที่หลากหลาย เช่น TradePay, Omni Collect, และ HSBC UniTransact เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีเวลามากขึ้นสำหรับการวางแผนและพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคนี้
ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย มุ่งมั่นสนับสนุนระบบนิเวศน์ที่กำลังเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นยกระดับความสามารถในการให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนความต้องการขยายธุรกิจภายในภูมิภาคอาเซียนของลูกค้าองค์กร โดยผลสำรวจล่าสุดของธนาคารชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจในประเทศไทยมีความมั่นใจว่าภูมิภาคอาเซียนจะมีการเติบโตสูง และมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่ตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ในปี 2567 โดยบริษัทไทยที่เป็นกลุ่มตัวอย่างถึง 89% ระบุว่า มีแผนจะขยายธุรกิจไปสู่ตลาดในอาเซียนเพิ่มขึ้น และ 97% มีทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับภูมิภาคนี้มากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นอกจากนี้ บริษัทในไทยยังมองว่า เทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับแผนการขยายธุรกิจ โดยเกือบ 2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างได้มีการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการนำระบบดิจิทัลมาใช้ อย่างไรก็ตาม ความสามารถด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย ยังถือว่าเป็นอุปสรรคสำคัญอันดับต้นๆ ของการขยายธุรกิจไปยังอาเซียนของบริษัทไทย
ธนาคารเอชเอสบีซี เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2431 โดยมุ่งมั่นให้บริการทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติมาตลอดระยะเวลา 135 ปี ในฐานะธนาคารพาณิชย์แห่งแรกและธนาคารระหว่างประเทศที่ดีที่สุดของประเทศไทย ทั้งนี้ ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงบริบทของประเทศไทยและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของคนไทย ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย จึงมีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนการค้าและเศรษฐกิจของประเทศ โดยกองทุน ASEAN Growth Fund นี้ จะช่วยให้เราสามารถสนับสนุนบริษัทในเศรษฐกิจใหม่ในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพหรือบริษัทที่กำลังขยายกิจการออกไปทั่วภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในทุกช่วงของการดำเนินธุรกิจ” คุณกฤษฎา กล่าวสรุป
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon