ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากอุปทานที่ตึงตัวขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวขึ้นหลังกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) มีแนวโน้มที่จะคงนโยบายปรับลดการผลิต ประกอบกับจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 28 มี.ค. 67 ปรับตัวลดลง 3 แท่นเข้าสู่ระดับ 621 แท่น อีกทั้งการโจมตีของยูเครนต่อโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสร้างความกังวลต่ออุปทานตึงตัวและเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
+ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวเร็วขึ้นหลังผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.4% ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในไตรมาส 4/2566 ที่ระดับ 3.2% เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจที่มากขึ้น
+/- อัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ของสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงสู่ระดับ 200,000 ตำแหน่งโดยปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 212,000 ตำแหน่ง ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอาจส่งผลทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจยังไม่เร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ราคาน้ำมันเบนซิน : ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 มี.ค. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 232 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบสองเดือน
ราคาน้ำมันดีเซล : ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันดีเซลจากเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ. 67 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1.1% แตะระดับ 17 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนจากค่าขนส่งที่อ่อนตัวลง ทำให้ความคุ้มค่าในการขนส่งสินค้าไปยังยุโรปมีแนวโน้มดีขึ้นและทำให้อุปทานในภูมิภาคปรับตัวลดลง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon