[,
สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดประเด็นร้อน EKH ขายบิ๊กล็อตหุ้น KLINIQ จำนวน 11 ล้านหุ้น ให้นักลงทุนVI จำนวน 8 ราย เอ่ยชื่อมาเรียกได้ว่าการันตีความอร่อย มีแต่บิ๊กเนมทั้งน้านนน
เล่นเอาคนนอกวง ตั้งข้อสงสัย “KLINIQ” ธุรกิจเมกะเทรนด์ นับเป็นหุ้นน้ำดี ผลประกอบการเหินฟ้าทุกปี ทำไมEKH ถึงตัดใจขายหุ้น…หรือ KLINIQ อาการไม่ดี เพราะราคาขายที่ 39 บาท นั้น แม้จะสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำ รับเหนาะ ๆ 429 ลบ.
แต่มันแปลกที่ว่า ราคาขายนั้นกลับต่ำกว่าราคากระดาน ทำให้นักลงทุนเกิดข้อกังวลว่า VI ทั้ง 8 รายที่เข้ามาซื้อบิ๊กล็อตนั้น จะรักจริงหวังแต่ง หรือเป็นเพียงรักแท้ในคืนหลอกลวง ล่อเม่าให้บินเข้ากองไฟ แล้วตีหัวแบะ… ตัวอย่างมีให้เห็น เกลื่อนตลาด
มาเริ่มตรวจสุขภาพ KLINIQ กันก่อน มุมมองโบรกเกอร์ลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้คำแนะนำ “ซื้อ” มองการเติบโตน่าสนใจ ทั้งการเติบโตด้านการขยายสาขา การเติบโตของรายได้และกำไรที่มีแนวโน้มสร้างระดับสูงสุดใหม่ โดยให้ราคาเป้าหมายระหว่าง 46-50 บาท ดังนั้นในเชิงพื้นฐานของ KLINIQ ไม่น่าจะมีอะไรให้กังวล
แล้ว VI ทั้ง 8 รายล่ะ…(โดยเฉพาะ) “ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา” ผู้คร่ำหวอดในวงการตลาดทุน เปิดใจกับสำนักข่าวมิติหุ้นถึงเหตุผลของการลงทุนในครั้งนี้ว่า
“การตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น KLINIQ นั้น เนื่องจากมองธุรกิจเสริมความงามเป็นเทรนด์ที่เติบโตทั่วโลก ประเทศไทยจัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทที่มีมาตรฐานการจัดการนั้นมีไม่มาก ขณะที่ KLINIQ จัดได้ว่าเป็นมืออาชีพ และมีพัฒนาการโดดเด่น เจ้าของกิจการคือแพทย์ที่จบจากสถาบันระดับประเทศ ทำให้มีความเชื่อมั่น โดยเข้าลงทุนตั้งแต่ IPO และพร้อมจะเติบโตไปกับบริษัท การจะลงทุนหุ้น KLINIQ เพิ่มเติมในสัดส่วนที่มากขึ้นไม่สามารถเข้าซื้อในกระดานได้เนื่องจากมีปริมาณหุ้นจำกัด การเข้าซื้อ Big lot จึงถือเป็นโอกาสอันดี”
ฟังเหตุผลมุมผู้ซื้อแล้ว ต้องฟังเสียงของผู้ขายทางด้าน EKH ได้ (ให้เหตุผล) กับ “สำนักข่าวมิติหุ้น” อีกเช่นกันว่า ราคาขายหุ้น KLINIQ ที่ 39 บาทนั้น เป็นราคาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 15 วันซึ่งคำนวนได้ 37.70 บาท บอร์ดบริษัทรับรู้การขายหุ้นในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อเตรียมเงินทุนรองรับขยายกิจการในอนาคต และหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนทางธุรกิจ หากโรงพยาบาลขยายแผนกศัลยกรรมความงามในอนาคต
ข้อสำคัญยังลดปัญหาเรื่องการบันทึกส่วนต่างราคาหุ้นในแต่ละไตรมาสของ KLINIQ ซึ่งทาง EKH ได้คำนึงถึงเรื่องนี้มาตลอดจากผู้ถือหุ้นและนักวิเคราะห์ที่เคยกังวลเรื่องนี้ ส่วนการที่ขายหุ้นให้กับนักลงทุนที่ปรากฏชื่อไปแล้วนั้น เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่เริ่มแรก เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการนักลงทุน จึงเชื่อมั่นว่าหุ้นที่ขายออกไปนั้นจะไม่มีผลกระทบในเชิงมูลค่าของหุ้น
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon