บิ๊ก EA – NEX ยืนยันธุรกิจมั่นคงอนาคตโตต่อเนื่อง ร้องทุกฝ่ายอย่าให้ Money Game ทำลาย Real Business รวบรวมหลักฐานส่ง ก.ล.ต. –ดีเอสไอ เอาผิดไอ้โม่งมือทุบหุ้น

700

มิติหุ้น  –  นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX  เปิดเผยถึงการแถลงข่าวในครั้งนี้ว่าต้องการให้นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจถึงสถานการณ์ของ EA และ NEX ได้อย่างถูกต้องและเห็นภาพที่ชัดเจนถึงการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ

“ที่จริงแล้วผมไม่ได้ต้องการออกมาพูดเรื่องนี้ แต่ NEX ซึ่งเป็นบริษัทที่ดีมีอนาคต ลูกค้าและซัพพลายเออร์ให้ความเชื่อมั่นและที่ผ่านมาสามารถส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าได้ตามกำหนด ผลประกอบการดีต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ NEX กำลังเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจาก Money Game เริ่มจากการทำลายความเชื่อมั่นในตลาดทุน และกำลังจะทำลายธุรกิจไปด้วย  ผลจากราคาหุ้นที่ลดลงทำให้ คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภาในฐานะผู้บริหารและเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก wealth ที่ลดลง และกระแสข่าวลือเชิงลบต่างๆ ทำให้คู่ค้าและซัพพลายเออร์เกิดความวิตกกังวล จึงเป็นที่มาแห่งการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้”

การเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพียงพอที่จะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างราบรื่นและก่อให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งจากลูกค้าและซัพพลายเออร์ ซึ่งการเพิ่มทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.55 บาท พร้อมรับวอร์แรนท์อีก 75 ล้านหน่วย มีอัตราการใช้สิทธิแปลงสภาพ 1 หน่วยต่อ 5 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในอัตรา 12.75 บาท ซึ่งจะจัดสรรให้กับ คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภา และพันธมิตรทางธุรกิจรายอื่นๆ เพื่อให้คงสถานะเป็น Major Shareholder เพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้มีความมุ่งมั่นในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปในอนาคต

ส่วนที่สองแบ่งออกเป็น 2 ชุดซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมภายในปี 2567  ชุดแรกจำนวน 2,096.82 ล้านหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 1 บาท และชุดที่สองจำนวนไม่เกิน 6,290.48 ล้านหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 1 บาท

สาเหตุที่จัดแบ่งออกเป็นสองชุด เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการทำธุรกิจทันที เมื่อได้เงินก้อนแรกมาทีมผู้บริหารจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทไปต่อได้และมีอนาคต จากนั้นจึงจะเรียกเพิ่มทุนในชุดที่สอง ทั้งนี้ได้เปิดเผยข้อมูลให้เห็นตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลเท่าเทียมกันและมีสิทธิตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใด

“ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่เรามองเห็นปัญหาและต้องการเข้ามาช่วยคุณคณิสสร์ และทีมงานของ NEX เพราะพวกเขาคือกำลังของบริษัท ธุรกิจจะขับเคลื่อนไปได้มีองค์ประกอบหลายส่วนด้วยกัน แต่สองส่วนที่สำคัญคือต้องมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และผู้นำองค์กรที่มีความรู้ เชี่ยวชาญ วิสัยทัศน์ ฉะนั้นหากผู้บริหารถูกทำลายลงไป ก็เท่ากับทำลายบริษัท เรามองเห็นจุดนี้จึงต้องเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่เพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”

 

นายสมโภชน์ กล่าวต่อถึง EA ว่าในปัจจุบันดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล, 2. กลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และ 3. กลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต เช่น แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีชาร์จ ซึ่งในส่วนของธุรกิจแบตเตอรี่ แม้จะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่บริษัทฯ ได้ปรับตัวโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้ามาศึกษาและหาวิธีการปรับปรุง เพื่อทำให้โครงสร้างต้นทุนของธุรกิจแบตเตอรี่ลดลงและอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้

 

“EA ไม่ได้มีแค่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีธุรกิจอื่นที่ช่วยซัพพอร์ตหลากหลายอย่าง เนื่องจากเรื่องของ Adder ที่ทยอยหมดลงนั้นเป็นเรื่องที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ในฐานะผู้บริหารได้เตรียมแผนกลยุทธ์รองรับไว้แล้ว โดยที่ผ่านมาได้ Diversified ธุรกิจออกไปหลายอย่าง ปัจจุบันอยู่ในช่วงเริ่มต้นเก็บเกี่ยวดอกผล และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างฐานรายได้และกำไรที่แข็งแรงให้กับ EA”

สำหรับความร่วมมือกับ NEX บริษัทฯ จะให้การสนับสนุน และเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันอย่างเต็มที่  ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมในการช่วยต่อยอดและขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 33.14 % ใน NEX  รวมไปถึงการใส่เงินเพิ่มทุนเพื่อให้ NEX เพื่อให้มีศักยภาพสามารถขยายธุรกิจเพิ่มเติม รวมถึงรองรับการลงทุนใหม่ๆ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดาพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ

ส่วนราคาหุ้น EA และ NEX ที่ปรับลดลงลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษกระทรวงยุติธรรม หรือ ดีเอสไอ (DSI) ในมาตรา 244/3  ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการ ดังต่อไปนี้ (1)  ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ (2)  ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

ทั้งนี้มีประเด็นที่เป็นข้อสังเกตคือ ที่ผ่านมามีแรงขายหุ้น EA และ NEX มาจากการเปิดให้มีการใช้โปรแกรม Robot Trade ซึ่งมีความได้เปรียบในเรื่องของความเร็วในการซื้อขายหุ้นและสร้าง Negative moment มีการทำ Short Sell รวมถึงช่องโหว่การทำ Naked Short ผ่านกระดาน NVDR ซึ่งเป็นเจตนาเพื่ออำพรางธุรกรรม ขณะนี้หลายประเทศได้ระงับเรื่องการทำ  Short Sell  เพราะเห็นว่าไม่ใช่ธุรกรรมที่สร้างสรรค์ ขณะที่ประเทศไทยปัจจุบันระบบคัสโตเดียนกับระบบซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มีช่องโหว่หลบเลี่ยงได้ และที่ผ่านมาการกระทำส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ดังนั้นควรระงับไว้ก่อนหรือไม่ ภายหลังจากปรับปรุงระบบให้เสร็จสมบูรณ์แล้วค่อยนำกลับมาใช้

“การที่เราตัดสินใจที่จะไปร้องต่อ ก.ล.ต. และดีเอสไอ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดทั้งยังเป็นการช่วยปกป้องบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และไม่ให้ Money Game มาทำลาย Real Business และที่สำคัญคือ อยากบอกว่าผมไม่ใช่ตัวการทำลายหุ้น EA และ NEX ถ้าใช่จะไปร้องหน่วยงานกำกับฯทำใม? แต่เราต้องการปกป้องบริษัทและหาคนผิดมาลงโทษให้ได้จริงๆ ”นายสมโภชน์ กล่าวในที่สุด

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX กล่าวว่าปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน พร้อมเร่งขยายการเติบโตตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ EA

“ในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ ส่งมอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับลูกค้าเกือบ 600 คัน และในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแผนเข้าร่วมเสนองานใหม่หลายโครงการ และจะร่วมประมูลงานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐ, รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่มีความสนใจและนำรถไฟฟ้ามาใช้ในองค์กร เช่น รถโดยสารไฟฟ้า, รถเมล์สาธารณะไฟฟ้า, รถรับ-ส่งพนักงาน, รถรับ-ส่งนักศึกษาในมหาวิทยาลัย, รถขนขยะไฟฟ้า และรถหัวลากไฟฟ้า เป็นต้น ทำให้มั่นใจว่ายอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะมียอดทะลุ 5,000 คัน ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายคณิสสร์ กล่าวในที่สุด

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon