CGSI : Trend Spotter

25

มิติหุ้น – SET Index : เราคาดกรอบ SET แกว่งซึมต่อกรอบ 1280-1315 จุด หรือ 1300 จุด +/- หลังประเด็นทางการเมืองยังคงต้องรอคอยต่อไปถึงอีกกว่า 2 อาทิตย์ ได้แก่

1) คดียุบพรรคก้าวไกล หลังศาลมีคำสั่งให้ กกต. ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานเพิ่มเติม ศาลรัฐธรรมนูญให้ส่งบันทึกยืนยันข้อเท็จจริงใน 7 วัน ให้คู่กรณีมาตรวจพยานหลักฐาน 9 ก.ค. สั่งให้นำพยานเอกสารคดีล้มล้างการปกครองมารวมไต่สวนด้วย

2) คดีพิจารณาหลักฐานคดีจริยธรรมนายกฯ กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ 40 สว. ขอให้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี โดย ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยื่นหลักฐานเพิ่มใน 15 วัน นัดพิจารณา 10 ก.ค.

3) คดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ต้องนำตัว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งฟ้องศาลอาญา คดีมาตรา 112 โดย ศาลอาญาให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 500,000 บาท หลังจากอัยการสูงสุดส่งฟ้องฐานความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ยึดหนังสือเดินทาง ห้าม “ทักษิณ” ออกนอกประเทศ

เมื่อวานที่ผ่านมารัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุม

ดังนั้นเราเชื่อว่าภาพรวมตลาดจะกลับมาแกว่งซึมบริเวณ 1280-1310 จุด +/- ไปอีกอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนภาพการเมืองจะชัดเจนในก.ค. รวมถึง Uptick rule ในเดือน ก.ค.
กลยุทธ์การลงทุนช่วงปัจจุบันเน้นหุ้น Mid-Small cap ที่ภาพรวมกำไร 2Q, 2H24 แข็งแกร่ง รวมถึงหุ้น Global play (Exports / Commodities) และ Defensive play (ICT, Hospital)

เราแนะนำ KLINIQ ITC ADVANC ส่วน Domestic play ที่เรามองว่าหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาพอสมควรและมีมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ (Undemanding Valuation) ได้แก่ CRC LH BBL

หุ้นแนะนำ
ICHI
เราคาดว่า ICHI จะทำกำไรสุทธิสูงสุดในรอบ 9 ปีใน 2Q24 จากยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นและ GPM ที่สูงขึ้น

ICHI มีแผนจะใช้เงินลงทุน 460 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตอีก 200 ล้านขวด/ปีหรือคิดเป็น 13% ของกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 1,500 ล้านขวด/ปี โดยเราเชื่อว่าการขยายกำลังการผลิตจะช่วยให้ ICHI ได้ประโยชน์จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 77% ใน 1Q24
(Take profit : 17.50 / Stop loss : 16.40 )

WHA
เราคาดว่ายอดขายที่ดินใหม่จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากช่วงก่อนโควิด-19 มาอยู่ที่ 4,075 ไร่ในปี 2024 นำโดย FDI ปีนี้ที่คาดจะเติบโต 127% จากปี 2019

เราคาดว่ายอดขายที่ดินใหม่ของ AMATA และ WHA จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจาก
เฉลี่ย 1,744 ไร่ต่อปีก่อนโควิดในปี 2013-19 เป็น 4,075 ไร่ในปี 2024, 4,075 ไร่ในปี 2025 และ 3,825 ไร่ในปี 2026 เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีนทำให้ธุรกิจต่างๆ เร่งย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศพันธมิตร (friend-shoring)

เราจึงเชื่อว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์และ EV, Data centre และพลังงานทดแทนจะขับเคลื่อนอุปสงค์ของที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของไทยในปี 2024-26
(Take profit : 5.65 / Stop loss : 5.10)

#Macro&WealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon