วัดเชิงมวย KKP VS Z.com ใครทำร้ายตลาดมากกว่ากัน?

2583

ตลาดหุ้นไทยต้องยอมรับว่า โดนมรสุมถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ต่างชาติก็ยังกระหน่ำขายไม่หยุดหย่อนกว่า 1 ล้านล้านบาท และหากนับจากต้นปี YTD ขายแล้วกว่า 1.2 แสนลบ.ดัชนีหุ้นไทยโดนทิ้งต่อเนื่องจนหลุด 1,300 จุด Performane จัดว่าต่ำสุดของโลก หรือลดลงกว่า 400 จุดในระยะเวลา 2 ปี จากช่วงพีคทะลุ 1,700 จุด เมื่อปี 65 และเป็นช่วงที่เม็ดเงินในประเทศจากมนุษย์เงินเดือนใส่เงินก้อนใหม่เข้ามา เพราะเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิดหลายอาชีพต้องหยุดชะงัก แต่ตลาดหุ้นไม่ได้หยุดจนมีบัญชีเปิดใหม่ในช่วงนี้อย่างมหาศาล และก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ตลาดเปิดให้มี Robot Trade ในรูปแบบ High Frequency Trading

KKPมาร์เก้ตแชร์อันดับ1รายใหญ่ให้บริการ HFT

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าโบรกที่มีมาร์เก็ตแชร์ถีบตัวขึ้นมาโดดเด่นอย่างค่าย KKP ได้รับประโยชน์เหนือคู่แข่งจากเครื่องวัดด้านส่วนแบ่งการตลาดระดับ 27-28% วอลุ่มเทรดรวมจากค่ายนี้ค่ายเดียวบางวันพุ่งไปแตะ 3 หมื่นลบ./วัน และทิศทางการเทรดก็จะอนุมานได้อีกเช่นกันว่าลูกค้าค่ายนี้ที่ใช้ HFT นิยมเทรดหุ้นขาลง หรือ Short sell จนล่าสุดเมื่อโดนสกัดจากเกณฑ์ใหม่ที่ ทางตลาดนำมาใช้และที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ Uptick rule เมื่อวันที่ 1 ก.ค.67 มาร์เก็ตแชร์ของค่ายนี้ก็ลดลงอย่างทันตาเห็น บางวันเหลือไม่ถึงหมื่นลบ. จนแตะระดับเพียง 7.5 พันลบ. แชร์อยู่ที่ 12.6% เพียงชั่วข้ามคืน

อย่างไรก็ตามผลจากสถานการณ์ดังกล่าวก็กลับไม่ได้สะท้อนออกมาในรูปแบบของผลประกอบการของค่ายดังกล่าวอย่างโดดเด่นอะไรเลยแต่ค่ายนี้ก็ยังนิยมจะให้บริการ HFT เทรดซึ่งตามหลักการทำธุรกิจแล้วหากจุดไหนไม่ทำเงินหรือไม่คุ้มค่ามันก็ควรจะยกเลิก และมันไม่ได้จบเพียงเท่านี้มันยังดันไปทำลายโบรกคู่แข่งไปด้วยจากผลประกอบการที่ออกหลายผลงานส่วนใหญ่ของโบรกก็ติดลบกันถ้วนหน้าจากผลกระทบนี้ และยังบังเอิญไปเห็นนโยบายใหม่ของค่าย KKP ที่เน้นให้บริการลูกค้าต่างชาติ แต่ก็ยังปล่อยมาร์จิ้นหุ้นเล็กอย่าง MORE ด้วย

Z.COM รายใหญ่ปล่อยมาร์จิ้น

ด้าน Z.com โดนกระแสถาโถมหนักอย่างต่อเนื่องก็ว่าได้ เนื่องจาก Z.com เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ เน้นธุรกรรมปล่อยมาร์จิ้นเป็นหลัก จัดว่าเป็นรายใหญ่ที่ให้บริการวงเงินมาร์จิ้นกว่าหมื่นลบ. เนื่องจากมีทุนหนาจากญี่ปุ่น กลุ่ม “บ.จีเอ็มโอ อินเตอร์เนท กรุ๊ป” ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำจากญี่ปุ่นนี่เองหวังมาสร้างอาณาจักรในไทย แต่ก็ยังสะดุดเมื่อเจอเคสหนักอย่าง MORE เมื่อปีที่ผ่านมา และยังเป็นคดีฟ้องร้องกันอยู่ในขณะนี้ ไม่เพียงเท่านี้ยังปรากฎว่า Z.com เข้าถือหุ้น MOREหุ้นใหญ่อันดับ 3 สัดส่วนถึง 11.69% อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ปี 67ด้าน Z.com ก็ยังเจอมรสุมลูกใหญ่อีก เมื่อยังให้บริการมาร์จิ้นอยู่ แต่รอบนี้กลายเป็นเจ้าของนำหุ้นตัวเองไปตึ๊งเสียเอง ก็ทยอยเริ่มสำแดงฤทธิ์ของมันนี่เกมเช่นเคย ราคาหุ้นในกลุ่มนี้กลับถูกกระหน่ำเทขายอย่างหนักจนต้อง Margin call และเมื่อหาหลักทรัพย์มาวางไม่ทันก็ต้องโดน Force sell ตามระเบียบซึ่งตัวไหนที่โดนหุ้นก็ดิ่งฟลอร์ตามสภาพลักษณะเหมือนบริษัทกำลังจะเจ๊ง!!! กันเลยทีเดียวสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหุ้นไทยกันไปหมด

ขณะที่ผลงานก็ยังลุ่มๆดอนๆ และยังขาดทุนสะสมกว่า พันลบ.แต่ใดๆก็แล้วแต่ทุนญี่ปุ่นก็ยังไม่เข็ดไม่หลาบล่าสุดประกาศเพิ่มทุนอีก 400 ลบ.เมื่อ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ดันทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 3,279.99 ลบ. เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บ และขอยุติการให้บริการในส่วนของบัญชีมาร์จิ้นทั้งหมด ในวันที่ 20 ธ.ค.67 แหม!ทุนหนาจริงๆค่ายนี้คงต้องรอดูกันต่อไป

สุดท้ายนักลงทุนลองตัดสินใจว่าโบรก2ค่ายนี้ใครที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกเทขายจนดัชนีลดลงมาขนาดนี้ยิ่งกว่าช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ต่างชาติหอบเงินออกนอกประเทศไทยกว่าล้านล้านบาท

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon