บลจ.อีสท์สปริง เสิร์ฟ 2 กองทุนใหม่ กองผสม ES-LINK2Y4MA และ พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น ES-GOVCP6M23 เปิดขายครั้งแรกครั้งเดียว 1-8 ส.ค.นี้ เพิ่มทางเลือกลงทุน

37

มิติหุ้น  –  นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัว 2 กองทุนใหม่พร้อมกัน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางเลือกการลงทุนให้กับผู้ลงทุนในช่วงนี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดอีสท์สปริง Performance-Linked Complex Return 2Y4MA (ES-LINK2Y4MA)  อายุ 2 ปี 4 เดือน เงินลงทุนโครงการ 4,000 ล้านบาท และกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M23  (ES-GOVCP6M23) อายุประมาณ 6 เดือน เงินลงทุนโครงการ 6,000 ล้านบาท และจะเปิดเสนอขายครั้งแรกครั้งเดียวพร้อมกันระหว่างวันที่ 1-8 สิงหาคม 2567 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

กองทุนเปิดอีสท์สปริง Performance-Linked Complex Return 2Y4MA (ES-LINK2Y4MA) เป็นกองทุนรวมผสมประเภทที่มีการจ่ายผลตอบแทนซับซ้อน และมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% โดยมีกลยุทธ์การลงทุนครั้งเดียว (buy-and-hold) ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้และ/หรือเงินฝากและ/

หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ประมาณ 95-98% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เงินลงทุนเติบโตเป็น 100% ของเงินลงทุนทั้งหมดเมื่อครบอายุโครงการ ซึ่งจะมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้และ/หรือเงินฝากและ/หรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากต่างประเทศทั้งจำนวน ส่วนที่ 2 กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ประเภทสัญญาออปชั่น (Option) หรือสัญญาวอร์แรนท์ (Warrant) ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี Solactive Global Income Fund 5% VT USD ER ตามเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนเพื่อเปิดโอกาสให้กองทุนสามารถแสวงหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนี Solactive Global Income Fund 5% VT USD ER โดยจะลงทุนประมาณ 2.00-5.00% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการลงทุนในสัญญาออปชั่นหรือสัญญาวอร์แรนท์

ทั้งนี้ดัชนี Solactive Global Income Fund 5% VT USD ER จัดทำโดย Solactive ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติเยอรมันที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2550 และเป็นหนึ่งในผู้จัดทำดัชนีหลักทรัพย์เพื่อใช้สำหรับในการอ้างอิงการออกสินทรัพย์ประเภท ETF และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ตราสารอนุพันธ์ ฯลฯ โดยเป็นดัชนีที่สะท้อนถึงส่วนต่างของผลการดำเนินงานของ 1.) กองทุน PIMCO GIS Income ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกระแสรายได้ในระดับสูง โดยการบริหารการลงทุนอย่างรอบคอบ และมีวัตถุประสงค์รองในการสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว กองทุนมีหลักการสำคัญในการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก อย่างน้อย 2 ใน 3 ของ มูลค่าทรัพย์สินของกองทุน และ 2.อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระยะข้ามคืนโดยมีพันธบัตรรัฐบาล (Treasury) เป็นหลักประกัน (Secured Overnight Financing Rate – SOFR) โดยปรับให้มีความผันผวนให้อยู่ใกล้เคียงกับ 5% กล่าวคือ

ในกรณีที่กองทุน PIMCO GIS Income มีความผันผวนไม่เกิน 5% ดัชนีอ้างอิงจะปรับสัดส่วนการลงทุน (exposure) ในกองทุนดังกล่าวให้สูงกว่า 100% แต่หากกองทุน PIMCO GIS Income มีความผันผวนเกิน 5% ดัชนีอ้างอิงจะปรับ exposure ในกองทุนดังกล่าวให้น้อยกว่า 100% โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อรักษาระดับความผันผวนของดัชนีอ้างอิงให้ใกล้เคียง 5% ในแต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้ จะมีการกำหนดระดับ exposure สูงสุดไม่เกิน 300% และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่กองทุนจะเข้าเป็นคู่สัญญาจะมี underlying ได้แก่ ดัชนี Solactive Global Income Fund 5% VT USD ER และอัตราแลกเปลี่ยน โดยหากดัชนีอ้างอิงและอัตราแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ หรือคู่สัญญาที่ทำธุรกรรมไม่สามารถชำระภาระผูกพันได้ตามกำหนดเวลาอาจ

ทำให้กองทุนขาดทุนจากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดการจะวิเคราะห์และติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาดัชนีอ้างอิงและอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงพิจารณาความน่าเชื่อถือของคู่สัญญาก่อนทำธุรกรรมและติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนจะเน้นทำธุรกรรมกับคู่สัญญาที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 2 ปี 4 เดือนได้ ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

สำหรับด้านกองทุนเปิดอีสท์สปริง พันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น 6M23  (ES-GOVCP6M23) เป็นกองทุนที่ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันครบอายุโครงการ มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน สำหรับเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ และกองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุน

เพียงครั้งเดียวและถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนจนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยคาดหวังจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.30% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.20% ต่อปี ณ วันครบอายุโครงการ แล้ว ผู้ลงทุนจะได้รับประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 2.10% ต่อปีของเงินลงทุนเริ่มแรก (แหล่งที่มาของข้อมูล อัตราผลตอบแทนที่เสนอขายโดยผู้ออกตราสาร ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2567) ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดอายุกองทุน บลจ.อีสท์สปริง จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ และทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยทุกรายไปยังกองทุนเปิดอีสท์สปริง ธนรัฐ (ES-TM) หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บลจ.อีสท์สปริง เปิดให้บริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon