มิติหุ้น – นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานทดแทน ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งดำเนินธุรกิจผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อย เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2567 วันที่ 13 สิงหาคม 2567 ว่าที่ประชุมได้มีมติให้ CHOW ปรับโครงสร้างกิจการของบริษัทฯ เป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการลงทุน (Holding Company) ถือหุ้นในธุรกิจเดิมที่มีอยู่ผ่านบริษัทย่อย โดยในธุรกิจเหล็กได้ตั้งบริษัทย่อย บริษัท เชาว์ สตีล แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ขึ้นมาดำเนินธุรกิจเหล็กในเครือ CHOW ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2567
ทั้งนี้ ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ CHOW จะมีสถานะเป็นบริษัท โฮลดิ้ง ที่ลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเหล็กถือหุ้นผ่าน บริษัท เชาว์ สตีล แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ในสัดส่วน 99.99% ธุรกิจพลังงานทดแทนถือหุ้นผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 87.36% และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านบริษัท กัปตัน แคช โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 76% ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ที่ได้ดำเนินธุรกิจมาแล้วประมาณ 2 ปี หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในปี 2564 โดยกัปตัน แคชจะเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่มีความจำเป็นแต่มีความยากลำบากในการเข้าหาแหล่งเงินทุน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสังคม ตามปณิธานของบริษัทฯ
“หลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ CHOW ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนใน 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเหล็ก และธุรกิจพลังงานทดแทน ส่วนธุรกิจสินเชื่อบุคคลในปัจจุบันนั้นจะยังไม่ส่งผลกับผลประกอบการของกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลยุทธ์ทางธุรกิจมุ่งช่วยเหลือผู้เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน พร้อมไปกับการพิจารณาบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทสามารถช่วยเหลือลูกค้าจากหนี้นอกระบบได้หลายราย เป็นการลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมดูแลสังคม”
ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน กล่าวต่อถึงผลประกอบการประจำงวดสามเดือน และหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผลประกอบการที่เป็นกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 2/2567 CHOW มีกำไรสุทธิ 39.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 519.5 จากขาดทุน 9.42 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และในงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 129.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,107 จากขาดทุน 12.9 ล้านบาทในปี 2566 โดยผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากการดำเนินธุรกิจในทุกๆ ประเภทของ CHOW เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้รายได้และกำไร ปรับเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการเป็นการยืนยันการกลับมาเติบโตอย่างมั่นคงของ CHOW ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยกำไรไตรมาส 2/2567 มาจาก CHOW สามารถสร้างรายได้กว่า 1,039.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 119.44 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.7 จากทั้งธุรกิจเหล็กและพลังงานทดแทน โดยในธุรกิจเหล็ก CHOW มีกระบวนการผลิตสินค้าทั้งเหล็กแท่งบิลเลตและเหล็กเส้นที่มีประสิทธิภาพจนสามารถลดต้นทุนในการผลิตสินค้า ส่งผลให้มีสินค้าที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม และมีความหลากหลายในประเภทของสินค้าตามความต้องการของลูกค้า โดยในธุรกิจรับจ้างผลิตเหล็กแท่งบิลเลต บริษัทฯ ได้รับคำสั่งผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้มีรายได้ครอบคลุมต้นทุนคงที่ของกระบวนการผลิตตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และ 2 สะท้อนให้มีกำไรเพิ่มขึ้น ในขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าเหล็ก CHOW ยังสามารถใช้ประสบการณ์ของทีมงานในการเพิ่มรายได้จากการรักษาฐานลูกค้าเดิม (เหล็กกลางน้ำ) และขยายฐานลูกค้าเหล็กปลายน้ำ เพื่อขายสินค้าประเภทเหล็กแท่งบิลเลตและเหล็กเส้นที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม จึงส่งผลให้ CHOW มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าดังกล่าว
ในขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทน CHOW มีรายได้จากการให้บริการก่อสร้างระบบผลิตกระแสไฟฟ้า (EPC) เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีสัดส่วนการขยายตัวจากโครงการ Private PPA ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ลงทุนระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้ลูกค้าและเป็นผู้ดูแลโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ โดยในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจำนวนโครงการสะสม ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่ดำเนินการในเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวมกันไม่น้อยกว่า 250 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ ได้ขายไฟเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีก 2 เมกะวัตต์ ซึ่งสนับสนุนให้มีรายได้ในกลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
“ผลการดำเนินธุรกิจในทุกหน่วยธุรกิจเป็นไปด้วยดีและมีกำไรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ CHOW มีส่วนของผู้ถือหุ้นที่มั่นคง พร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการดำเนินการที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น สิ่งสำคัญคือ CHOW ยึดมั่นการเติบโตควบคู่พัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยนำ ESG มาประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม พร้อมกำกับดูแลกิจการให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกๆ กระบวนการทำงาน โดยเชื่อว่าการพัฒนาองค์กรภายใต้กรอบแนวความคิดแบบ ESG จะส่งผลให้กลุ่ม CHOW สามารถเติบโตและดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon