ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง
และผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Francine
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ภายหลังเครื่องมือสื่อสารถูกแฮกและเกิดระเบิดขึ้นในเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้กล่าวโทษอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในครั้งนี้และประกาศจะตอบโต้อิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
(+) การผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน Francine โดยยังคงมีการอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกปรับลดกว่า 12% จากปริมาณการผลิตปกติ
(+) นักลงทุนยังคงจับตาการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยตัวเลขผลสำรวจล่าสุดของ FEDWATCH ชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 69% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนความต้องการใช้น้ำมันได้
(-) สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1.96 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน : ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณสำรองน้ำมันเบนซิน Amsterdam-Rotterdam-Antwerp (ARA) สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ก.ย. 67 ปรับลดลง 0.49 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 7.8 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล : ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังมีแรงขายจากเกาหลีใต้และอินเดียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในจีนชะลอตัวลงจากพายุไต้ฝุ่น Bebinca ที่พัดเข้าสู่ภาคตะวันออกของจีน ส่งผลให้เกิดดินถล่มหลายแห่งและถนนหลายเส้นถูกปิด
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon