ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1.4 หมื่นล้านบาท “บ. ทีพีไอ โพลีน” ที่ “A-” แทนที่หุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทเดิม

10

มิติหุ้น  –  ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.4 หมื่นล้านบาทและมีระยะเวลาไถ่ถอนภายใน 7 ปีของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ทั้งนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดเดิมที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 1.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ชำระหนี้ระยะสั้นและหนี้ระยะยาว ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”

 

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ตลอดจนตำแหน่งผู้นำในตลาด Ethylene Vinyl Acetate (EVA) การมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า และผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนจากการทยอยหมดอายุของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) การลงทุนล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับ “โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ” (Special Economic Zone — SEZ) รวมถึงการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สินของบริษัทในช่วงของการปรับปรุงโรงงานและขยายธุรกิจ

 

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทมีผลกำไรต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้งเล็กน้อยโดยมี EBITDA อยู่ที่ระดับ 4.9 พันล้านบาท เนื่องจากการชะลอตัวของภาคการก่อสร้าง ส่วนต่างราคาสินค้า EVA เกรดพิเศษที่ยังอ่อนตัว ตลอดจนการลดลงของค่าไฟฟ้าผันแปรหรือ Ft นอกจากนี้ สถานะทางการเงินก็ยังถูกกดดันจากระดับหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนจำนวนมากของบริษัทเพื่อลดต้นทุนในอนาคต ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7.2 เท่า (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะลดลงและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่า 6 เท่า หลังรายจ่ายดังกล่าวลดต่ำลงและมาตรการลดต้นทุนต่าง ๆ เริ่มเห็นผลชัดเจนในปี 2568

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจโดยได้แรงสนับสนุนจากมาตรการลดต้นทุนต่าง ๆ โดยกำไรที่จะหายไปจากการหมดอายุของ Adder โรงไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปน่าจะชดเชยได้จากต้นทุนที่จะลดลงในการผลิตไฟฟ้าและปูนซีเมนต์

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีจำกัดในเวลาอันใกล้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากบริษัทไม่สามารถลดระดับหนี้สินลงได้ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ทรงตัวในระดับสูงกว่า 6 เท่าและไม่มีสัญญาณการลดลง ซึ่งอาจเกิดจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ และ/หรือการลงทุนโดยใช้หนี้เงินกู้อย่างเกินตัว นอกจากนี้ การสูญเสียส่วนทุนจำนวนมากจากคดีฟ้องร้องที่ยังคงค้างอยู่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลลบต่ออันดับเครดิตได้เช่นกัน

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon

.